วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา


นายหู จิ่นเทา

การประชุมสมัชชาใหญ่เต็มคณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธ (14 พ.ย.) ทำให้จีนได้คณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรของพรรคฯ ชุดใหม่ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีหู จิ่นเทา วัย 70 ปี ได้ประกาศลงจากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารของพรรคฯ ด้วย โดยให้สี จิ้นผิง มาดำรงตำแหน่งแทน


การตัดสินจลงจากเก้าอี้ในกองทัพ หรือเกษียณอย่างถาวรของหู จิ่นเทา ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายแปลกใจ และถือว่าได้ทำลายธรรมเนียมเดิมที่อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ทำไว้เมื่อสิบปีที่แล้วไปสิ้นเชิง

ในปี 2545 ผู้นำเจียง เจ๋อหมิน เลือกที่จะยังคงตำแหน่งสูงสุดในกองทัพต่ออีกสองปีกว่า หลังจากครองอำนาจผู้นำสูดสุดของพรรคคอมมิวนิสต์มาเป็นเวลา 13 ปี ในครั้งนั้นหู จิ่นเทาแม้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายใหญ่พรรคฯ แล้ว ก็ยังต้องคอยไปจนถึงเดือนก.ย. ปี 2547 กว่าจะได้ขึ้นกุมบังเหียนกองทัพ

อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของหูเป็นการตัดสินใจที่ตระหนักถึงผลประโยชน์ระดับบนเป็นสำคัญ

แหล่งข่าวเผยว่า หูผู้รักษาภาพลักษณ์ต้องการเลี่ยงปัญหาการเผชิญหน้า เขาต้องการจากไปอย่างทรงเกียรติ หูอาจทราบดีว่า หากยังนั่งเก้าอี้คุมการทหารฯ ต่อไป ย่อมได้ไม่คุ้มเสีย เพราะในอดีต การดำรงตำแหน่งยืดเยื้อของเจียงก่อให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจที่ย่ำแย่ และเกิดธรรมเนียมไม่ดีแก่ผู้นำระดับสูง แม้แต่ผู้นำรุ่นเก่าก็ไม่เห็นดีด้วย ไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในพรรคฯ

ก่อนหน้ามีข่าวลือว่า หูจะสืบมรดกปฏิบัติตามสิ่งที่เจียงทำไว้ก่อนหน้า บางคนถึงกับกล่าวว่าหูจะนั่งเก้าอี้ในกองทัพนานถึงห้าปี ไปจนการประชุมพรรคฯ ครั้งหน้า หลายคนก่อนหน้านี้เคยเชื่อว่า เหตุผลที่หูจะนั่งเก้าอี้คุมกองทัพต่อนั้น เนื่องมาจากหูล้มเหลวที่จะรักษาฐานเสียงจากพันธมิตรในการต่อสู้กับผู้นำระดับสูงในการกำหนดนโยบายในประเทศในอีกสิบปีข้างหน้า

"ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หูได้เลือกที่จะลงจากอำนาจ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการถ่ายโอนอำนาจใหม่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน" เฉิน เจ๋อหมิง นักสังเกตการณ์ทางการเมืองในกรุงปักกิ่งเผย

แม้ว่าในสมัยเติ้ง เสี่ยวผิงช่วงทศวรรษ 1980 จะมีการวางระบบสถาบันการเปลี่ยนถ่ายอำนาจไว้แล้ว ทว่าในปัจจุบันระบบการเมืองผู้นำจีนมีความวุ่นวายสูง ขาดความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ และไร้สมดุล เฉินกล่าว

"ครั้งนี้อาจจะนิยามได้ว่า หูเป็นคนกล้าหาญที่สุดที่ผลักดันการปฏิรูปการเมือง"

นอกจากเป็นการรักษาชื่อเสียงในประวัติศาสตร์แล้ว การกระทำของหู ยังช่วยลดภาพลักษณ์อื้อฉาวในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งได้กร่อนกินเกียรติภูมิแห่งพรรคในช่วงวิกฤติการเมืองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของการร่วงลงจากอำนาจของนายปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคแห่งฉงชิ่ง ที่ต้องคดีอื้อฉาวคอร์รัปชั่น โดยภริยาของเขาคือนาง กู่ ไคไหล จับนักธุรกิจอังกฤษกรอกยาพิษจนถึงแก่ความตายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

จัง ลี่ฝาน นักประวัติศาสตร์ในกรุงปักกิ่ง เชื่อว่า การตัดสินใจเกษียณถาวรของหู จิ่นเทา อาจมาจากเหตุผลส่วนตัว อาทิ หูสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ หรือเพียงเพราะหูพ่ายแพ้ให้แก่ผู้นำเจียง เจ๋อหมิน ในการเลือกผู้นำระดับสูงขึ้นสืบต่ออำนาจ หรือเป็นผู้นำที่ไม่เคยแสดงตนทะเยอทะยาน ไม่สร้างภาพสนับสนุนตนเองอย่างครึกโครม หรือหูอาจจะหมดแรงหลังจากอยู่ในอำนาจมาสิบปี

"หูเบื่อกับเล่ห์เพทุบายทางการเมืองที่ไม่รู้จักจบ ตลอดจนการดิ้นรนชิงอำนาจ เขาเพียงต้องการลงจากอำนาจอย่างสงบ"จังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สื่อฮ่องกง หมิงเป้า ชี้ว่า ขณะที่กลุ่มนักวิชาการภายในประเทศจีนต้อนรับการตัดสินใจของหู จิ่นเทา โดยเห็นว่าเป็นการสนับสนุนการนำของสี จิ้นผิง แต่อีกกลุ่มก็ว่า หากหู จิ่นเทาต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินนโยบายของกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ ก็สามารถทำได้หลายวิธีการ ผู้อาวุโสแห่งเวทีการเมืองจีนยังไม่ไปไหนเสียง่ายๆหรอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น