วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สุนทรพจน์ของหัวหน้าอินเดียนแดงซีอาเติล


เนื่องในโอกาสที่โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกาครบ 500 ปี  สุนทรพจน์ของหัวหน้าอินเดียนแดงซีอาเติล จึงถูกนำมาเผยแพร่ในวารสารสารคดี ฉ.๘๔ ปี ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕, น. ๔๗ ๔๘. เป็นสุนทรพจน์เกี่ยวกับการที่คนขาวขอซื้อดินแดนของอินเดียนแดงในปี ค.ศ. ๑๘๕๔ ซึ่งได้รับยกย่องในเชิงวรรณกรรมว่า ก่อให้เกิดความสะเทือนใจอย่างสูงแก่ผู้อ่าน และมีเนื้อหาลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

" หัวหน้าใหญ่แห่งวอชิงตันให้คนมาบอกว่าต้องการซื้อแผ่นดินของเรา เราจะซื้อหรือขายท้องฟ้า และความอบอุ่นแห่งผืนดินนี้ได้อย่างไร
ความคิดเช่นนี้เป็นเรื่องแปลกสำหรับเรา
หากว่าเรามิได้เป็นเจ้าของความบริสุทธิ์ของอากาศและประกายแห่งสายน้ำ
เราจะซื้อมันได้อย่างไรกัน
ทุก ๆ ส่วนบนพื้นธรณีนี้ ล้วนมีค่าประหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนของเรา
ใบสนทุกใบ หาดทรายทุกหาด สายหมอกทุก ๆ สายในป่าใหญ่
ทุ่งกว้าง และหมู่แมลง มีความหมายดุจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความทรงจำ และประสบการณ์ของเรา
สายธารแห่งชีวิตที่ซึมซ่านอยู่ในต้นไม้เหล่านั้นเล่า คือ สิ่งที่ส่งทอดความทรงจำของเราชาวผิวแดง
คนขาวที่ลาล่วงลับไป แล้วลืมเลือนถิ่นเกิดเมื่อเขาเดินอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว
บรรพบุรุษของเราไม่เคยลืมดินแดนที่งดงามแห่งนี้ เพราะนี่คือแม่ธรณีของพวกเราชาวผิวแดง
เราเป็นส่วนหนึ่งของผืนดิน และผืนดินก็เป็นส่วนหนึ่งของเราด้วย
ดอกไม้อันหอมหวาน คือ พี่สาวน้องสาวของเรา
กวาง ม้า และนกอินทรีย์ที่ยิ่งใหญ่นั้นเล่า คือ พี่ชายน้องชายของเรา
ผาสูง ชายฝั่ง สายธารในทุ่งกว้าง ไออุ่นจากลูกม้าและคน ต่างคือญาติของครอบครัว
เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งวอชิงตันให้คนมาบอกว่า ต้องการซื้อแผ่นดินของเรา
เขาเรียกร้องเกินกำลังเรานัก
เรารู้ว่าคนขาวไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเรา
สำหรับพวกเขา ผืนดินแห่งนี้ไม่มีความแตกต่างอะไรกับที่ดินแปลงหนึ่ง
พวกเขาคือคนแปลกหน้าที่มาพร้อมกับความมืด และหยิบฉวยสิ่งที่ต้องการไปจากผืนแผ่นดิน
ผืนแผ่นดินมิใช่พี่น้องเขา แต่เป็นศัตรูของเขา
เมื่อพวกเขาพิชิตได้แล้ว ก็บุกต่อไป
พวกเขาทิ้งหลุมฝังศพของบรรพบุรุษไว้ข้างหลังอย่างไม่ใยดี
สุสานของบรรพบุรุษ และสิทธิของการถือกำเนิดของลูกหลานถูกลืมเลือน
พวกเขาถือว่าแม่ธรณี-ผืนแผ่นดินแห่งนี้ และพี่ชายของเขา-ท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่
คือสิ่งที่หาซื้อได้ ตักตวงเอาผลประโยชน์และขายได้ราวฝูงแกะ หรือลูกประคำสีสวย
ความโลภโมโทสันของพวกเขาจะทำลายผืนแผ่นดินแห่งนี้ และเหลือไว้แต่ทะเลทราย
ไม่มีมุมที่สงบเงียบในเมืองของคนขาว
ไม่มีที่ใดเลยสำหรับฟังเสียงคลี่ใบของต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิ หรือเสียงกรีดปีกของแมลง
อาจเป็นเพราะว่า ข้าฯเป็นคนเถื่อน และข้าฯไม่เข้าใจ
สำหรับคนขาว เสียงธรรมชาติเหล่านี้ฟังรกหู แล้วชีวิตจะเหลืออะไรกันเล่า 
ถ้าเราไม่อาจได้ยินเสียงร้องครวญของนกวิปเปอร์วิลล์ในตอนกลางคืน หรือการทุ่มเถียงกันของกบในบึง
ข้าฯเป็นคนผิวแดง และข้าฯไม่เข้าใจ
ชนเผ่าเราชอบฟังเสียงนุ่ม ๆ ของลมที่พัดผ่านผิวน้ำในบึง
และสูดดมกลิ่นของสายลม เราชอบเสียงฝน และกลิ่นหอมของป่าสน
อากาศมีค่ายิ่งนักสำหรับชนเผ่าของเราสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต มีลมหายใจเดียวกันสัตว์ ต้นไม้ คน 
ล้วนมีลมปราณเดียวกัน คนขาวดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงอากาศที่เขาหายใจ
เปรียบดังคนที่กำลังสิ้นลมย่อมไม่ได้กลิ่นเหม็นเน่า หากเราขายผืนแผ่นดินนี้แก่ท่าน 
จงจำไว้ว่าอากาศเป็นสิ่งมีค่าของเรา  อากาศคือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุก ๆ ชีวิต
สายลมแรกที่ทำให้ชีวิตแก่บรรพบุรุษของเรา
เป็นสายลมเดียวกับลมหายใจสุดท้ายก่อนที่บรรพบุรุษเราจะจากไป
และสายลมก็ได้ให้ชีวิตแก่ลูกหลานของเรา ถ้าเราขายผืนแผ่นดินนี้แก่ท่าน ท่านต้องบำรุงรักษา 
และทะนุถนอมให้คงความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่ว่าคนขาวก็อาจไปสัมผัสสายลม 
และกลิ่นอันหอมหวานของลมที่พัดผ่านทุ่งดอกไม้
ท่านต้องสอนลูกหลานของท่านให้เข้าใจว่าพื้นดินที่ท่านยืนอยู่นี้ คือเถ้าถ่านแห่งบรรพบุรุษเรา
พวกเขาจะได้เคารพแผ่นดิน  บอกลูกหลานของท่านว่าธรณีผืนนี้อุดมไปด้วยเครือญาติแห่งเรา
สอนลูกหลานของท่านอย่างที่เราสอนลูกหลานของเรา บอกพวกเขาว่าแผ่นดินคือ แม่ธรณี
แม้นเกิดสิ่งใดขึ้นกับผืนแผ่นดิน สิ่งนั้นย่อมจะเกิดกับลูกหลานของแผ่นดินด้วย 
ถ้ามนุษย์ถ่มน้ำลายรดแม่ธรณี มนุษย์ก็กำลังถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง
เรารู้ว่า ผืนแผ่นดินมิใช่ของมนุษย์ มนุษย์ต่างหากเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน
เรารู้ว่า สรรพสิ่งล้วนเกี่ยวพันกัน ประหนึ่งสายโลหิตที่เชื่อมครอบครัวเดียวกัน
เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดิน สิ่งนั้นย่อมมีผลต่อลูกหลานของแผ่นดินเช่นกัน
มนุษย์มิใช่ผู้ถักทอสายใยแห่งชีวิต มนุษย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสายใยแห่งชีวิต
เมื่อเรากระทำสิ่งใดต่อสายใยแห่งชีวิต เขากำลังกระทำสิ่งนั้นต่อตนเอง
เพียงอีกไม่กี่ชั่วโมง อีกไม่กี่ฤดูกาล ลูกหลานของชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินแห่งนี้ 
และที่เหลือเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ในป่าไม้ไม่กี่แห่ง ก็จะไม่หลงเหลืออยู่เลย 
จะไม่มีใครอยู่ข้างหลัง เพื่อไว้ทุกข์ให้แก่ชนเผ่าที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน 
เช่นเดียวกับที่ชนเผ่าของท่านเป็นอยู่ แต่ข้าฯ จะเศร้าโศกไปใย กับการล่มสลายของชนเผ่าเรา
เผ่าหนึ่ง ๆ คือ ผู้คน ไม่มีอะไรยิ่งไปกว่านั้น  มนุษย์เกิดมาแล้วก็จากไป เฉกเดียวกับคลื่นในท้องทะเล
เช่นนี้แล้ว เราจะพิจารณาข้อเสนอของท่าน และไปยังเขตสงวน 
ณ ที่นั้น เราอาจจะมีชีวิตที่เราปรารถนา เท่าที่วันเวลาของเรายังเหลืออยู่
เมื่อคนผิวแดงคนสุดท้ายจากโลกนี้ไปแล้ว และความทรงจำของเขาเป็นเพียงเงาของปุยเมฆ
ที่เคลื่อนผ่านทุ่งแพร์รี่ฝั่งทะเล และราวป่าที่นี่จะยังคงรักษาจิตวิญญาณของชนเผ่าเรา
พวกเรารักพื้นแผ่นดินแห่งนี้ เหมือนดังทารกน้อยรักเสียงหัวใจเต้นของแม่
หากเราขายผืนดินนี้แก่ท่าน รักแม่ธรณีให้เหมือนกับที่เรารัก
ทะนุถนอมผืนดินนี้ ดังที่เราเคยทะนุถนอม
พิทักษ์ความทรงจำของแผ่นดินนี้ไว้ เช่นเดียวกับที่เราได้พิทักษ์
และด้วยพลังทั้งหมดของท่าน สติปัญญาทั้งหมดของท่าน ชีวิตจิตใจทั้งหมดของท่าน
จงรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานของท่าน 
และรักผืนแผ่นดินนี้ ดุจความรักของพระเจ้าที่ให้แก่เราทุกคน
เรารู้ว่าพระเจ้าของเรา คือ พระเจ้าองค์เดียวกัน 
ผืนแผ่นดินนี้มีค่ายิ่งนักในสายตาของพระองค์
แม้คนขาวก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากชะตากรรมเดียวกันนี้
ที่สุดแล้ว เราก็อาจเป็นพี่น้องกัน ใครเลยจะรู้ "

แปลโดย อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์
ปัจจุบัน เอกสารนี้เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ ที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่วอชิงตัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น