วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

เนโร วูลฟ์ คดีกริ่งประตูดัง

กริ่งประตูดัง (The doorbell rang). สเต๊าด์, เร็กซ์. แปลโดย พฤษภา. กรุงเทพฯ :  รหัสคดี,  2553. 183 หน้า.  ราคา 150 บาท.


เป็นเรื่องการสืบสวนของเนโร วูลฟ์ กับผู้ช่วยของเขาอาร์ชี่ กู๊ดวิน ที่มีเศรษฐีนีที่ชื่อ เรเชล บรูเนอร์ มาว่าจ้างให้สืบเรื่องที่เธอแจกหนังสือเกี่ยวกับเอฟบีไอ และหลังจากนั้นก็ถูกสะกดรอย ซึ่งคิดว่าเป็นเอฟบีไอ ด้วยค่าจ้าง หนึ่งแสนดอลล่าร์ และเมื่อสืบสวนไปก็ได้เชื่อมโยงอีกคดีหนึ่งที่มีคนถูกยิงตาย และตำรวจเจ้าของคดีคิดว่าเกี่ยวกับเอฟบีไอด้วย เนื่องจากคนตายกำลังเขียนเรื่องของเอฟบีไออยู่
และปืนที่ยิงและต้นฉบับได้หายไป การสืบสวนพบว่า คนตายที่ถูกยิงนั้นถูกคนรักของตนฆ่า และคนรักนั้นบังเอิญเป็นเลขานุการของเศรษฐีนีที่มาว่าจ้างเนโร และเธอคนนั้นก็เก็บซ่อนปืนไว้ หลังจากนั้นพวกเอฟบีไอก็ให้บังเอิญมาค้นห้อง (ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย) และได้พบศพ แต่ไม่สามารถแจ้งตำรวจได้ จึงได้เก็บกระสุนปืนและเอกสารต้นฉบับไป วูลฟ์และอาร์ชี่ต้องวางแผนหลอกล่อให้พวกเอฟบีไอแสดงตัว เพื่อจะได้กระสุนปืนให้ตำรวจเป็นหลักฐานจับฆาตกรได้

เนโร วูลฟ์ ที่เป็นภาพยนตร์
รหัสคดีชุดเนโร วูลฟ์ ดำเนินเรื่องในรูปนวนิยาย 32 เรื่องและเรื่องสั้น 40 เรื่องตลอด 3 ทศวรรษ โดยให้การดำเนินเรื่องผ่านการเล่าเรื่องของ อาร์ชี่ กู๊ดวิน เพราะต้องออกไปสืบหาพยานหลักฐานมาให้เนโร วูลฟ์ ซึ่งเกลียดการออกไปข้างนอกบ้าน วูลฟ์เป็นนักสืบที่ไม่ย่างกรายเข้าไปในที่เกิดเหตุ ผู้อ่านนิยายเรื่องนี้จะเห็นตัวเอก 2 ตัวที่มีบุคลิกแตกต่างกันอย่างมาก คืออาร์ชี่ที่มีบุคลิกน่ารัก ทำตัวเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีความคิดวิจารณญานของตนเอง และชอบคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ต่อผู้หญิงในหลายครั้ง ซึ่งเป็นอารมณ์ขันที่มีในตัวของอาร์ชี่ ส่วนวูลฟ์จะเป็นอีกบุคลิกที่น่าหมั่นไส้ กับรูปร่างเจ้าเนื้อน้ำหนักตัว 140 กิโล จู้จี้เรื่องของอร่อย ดื่มเบียร์วันละโหล เกลียดผู้หญิง มีงานอดิเรกเพาะกล้วยไม้ และมีกฎว่า เวลาดูกล้วยไม้กับเวลากิน ห้ามคนรบกวนเด็ดขาด นิสัยหยิ่ง แต่ทั้งคู่สามารถทำงานร่วมกันได้ ร่วมกันวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงกับบทสรุปที่ต้องการของทั้งคู่ นับว่าทั้งคู่เป็นคู่หูนักสืบที่เข้ากันมากที่สุดคู่หนึ่งในโลกนักสืบ 
สมาคมนักเขียนรหัสคดีแห่งอเมริกาได้คัดสรรนวนิยายรหัสคดียอดเยี่ยมตลอดกาลออกมา 100 อันดับ และกริ่งประตูดังได้ขึ้นทำเนียบอันทรงเกียรตินี้ ในอันดับที่ 66


Rex Stout นักแต่งเรื่องนี้

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

นิยายที่หายไป

เซตเตอร์ฟีลด์, ไดแอน.  นิยายที่หายไป = The thirteenth tale.  ศศมาภา : แปล. กรุงเทพฯ : แพรวสำนักพิมพ์, 2551. 424 หน้า. 325 บาท.

เรื่องราวเกี่ยวกับ วีดา วินเทอร์ นักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียง ได้ว่าจ้างมาร์กาเร็ต ลีอา ลูกสาวเจ้าของร้านหนังสือเก่าที่แทบจะหาลูกค้าไม่ได้และนักเขียนชีวประวัติมือสมัครเล่นให้เขียนประวัติของเธอ ประวัติที่เธอไม่เคยบอกเล่าให้กับใคร ไม่ว่าใครมาสัมภาษณ์ เธอจะแต่งประวัติของตัวเองใหม่ทุกครั้งไม่ซ้ำกันเลย แต่ตัวมาร์กาเร็ตเองกลับไม่เคยอ่านหนังสือของวินเทอร์เลยแม้แต่เล่มเดียว ทั้งนี้เพราะเธอชอบอ่านแต่หนังสือเก่าๆ อย่างหนังสือประวัติศาสตร์ บทกวี วรรณคดีมากกว่า และเมื่อมาร์กาเร็ตกำลังตัดสินใจว่าเธอควรจะทำงานให้นักเขียนผู้นี้หรือไม่ เธอก็เริ่มหาหนังสือของมิสวินเทอร์มาอ่าน และเรื่องที่เธอเลือกคือ The Thirteenth Tales หลังจากอ่านจบ เธอพบว่า ในเรื่องนี้มีการนำโครงเรื่องนิทานอย่างสโนว์ไวท์ ซินเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา ฯลฯ มาดัดแปลงให้กลายเป็นเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และเสียดสีสังคมได้อย่างลึกล้ำ เต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ลึกซึ้ง อย่างยากจะหาใครทำได้ แต่เนื้อเรื่องกลับมีนิทานเพียง 12 เรื่อง ทั้งๆ ที่ชื่อเรื่องระบุว่ามี 13 เรื่อง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ตกลงใจรับงานเขียนชีวประวัติของนักเขียนผู้น่าสนใจคนนี้ในที่สุด


การเดินเรื่องจะเป็นการสลับกันระหว่างอดีตที่มิสวินเทอร์เล่า และปัจจุบันที่มาร์กาเร็ตพยายามค้นหาหลักฐานเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่มิสวินเทอร์เล่าเป็นจริงหรือไม่และความกังวลใจเกี่ยวกับตัวเธอเองที่เมื่อใกล้วันเกิดทุกปี จะมีความรู้สึกว่าพี่สาวฝาแฝดที่ตายไปแล้วจะมาเอาชีวิตเธอ เนื่องจากเธอเกิดมาเป็นลูกฝาแฝดที่มีตัวติดกัน แต่มีหัวใจดวงเดียวกัน แฝดพี่ที่ไม่มีหัวใจตัวโตกว่า ทำให้เธอตัวเล็กและอ่อนแอ ถ้าให้ตัวติดกันไปตลอดจะไม่รอดทั้ง 2 คน จึงต้องผ่าตัดแยกแฝดออกจากกัน ทำให้แฝดอีกคนต้องตายไป และผู้เป็นแม่เสียใจมาก ทำตัวห่างเหิน ทำให้มาร์กาเร็ตรู้สึกว่าแม่ไม่ได้รักเธอ เธอจึงรู้สึกเงียบเหงาและทุกข์ระทม

ส่วนอดีตที่มิสวินเทอร์เล่าก็มีใจความว่า ในตระกูลขุนนางที่มีฐานะนามแองเจลฟิลด์ มีลูกแฝดเกิดขึ้น แม่ผู้ให้กำเนิดถูกหมอวินิจฉัยว่าจิตไม่ปกติ ต้องถูกส่งไปสถานบำบัด ส่วนลุงที่มีจิตหลงรักน้องสาวของตน เมื่อน้องถูกส่งไปที่อื่นก็ขังตัวเองไม่ยอมพบหน้าใคร ลูกแฝดจึงถูกเลี้ยงดูโดยคนรับใช้เก่าแก่ที่มีอายุ และคนสวนของบ้านเท่านั้น เมื่อฝาแฝดเติบโตขึ้นก็มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือคนโตที่ชื่อแอนเดอลีนเป็นคนก้าวร้าว ชอบรังแกน้องสาว ส่วนคนน้องชื่อแอมเมอลีนก็มีพฤติกรรมเหมือนคนปัญญาช้า และไม่สนใจโลกภายนอก แต่เมื่อคนรับใช้ได้ตายหมด แฝดคนพี่กลับมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มีความรับผิดชอบขึ้นมา และทำตัวมาดูแลบ้านแทน เรื่องราวค่อนข้างลึกลับซับซ้อน และคละเคล้าด้วยความแปลกประหลาด

ส่วนในปัจจุบันที่มาร์กาเร็ตต้องตรวจสอบว่าเรื่องเล่าเป็นจริงหรือไม่ ก็ได้เดินทางไปที่บ้านแองเจิลฟิลด์ ซึ่งพบว่าได้ถูกไฟไหม้ไปแล้ว และได้พบชายคนหนึ่ง ที่เล่าว่าในคืนที่บ้านแองเจิลฟิลด์ไฟไหม้ เขาถูกนำมาทิ้งไว้ให้คนอื่นเลี้ยง เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่ทำให้ผู้อ่านอยากรู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับมิสวินเทอร์อย่างไร และเป็นลูกของใคร

การเดินเรื่องน่าสนใจมาก กระตุ้นให้อยากรู้ตลอดเวลาว่า ความเป็นจริงคืออะไร ทำให้อ่านได้สนุก และที่สนุกที่สุดอยู่ตอนท้าย ๆ ของเรื่องที่ค่อย ๆ เฉลยความจริงไปทีละเรื่อง และยังมีการหักมุมเรื่องชนิดที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกทึ่งว่า ที่อ่านมาเกือบทั้งหมดนี้เราเข้าใจผิดหมดเลยหรือ?? แต่จริง ๆ แล้วในเนื้อเรื่องผู้เขียนได้ส่งคำใบ้ที่จะไขความลับให้ตลอดเวลา คำใบ้นั้นคือคำว่า “ผี”

สรุปง่าย ๆ คือตลอดทั้งเรื่องมิสวินเทอร์ไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นฝาแฝดคนใดคนหนึ่ง และมีการใช้คำว่า “ผี” ปะปนตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเฉลยจึงรู้ว่า “ผี” ในเรื่องคือตัวเธอนั่นเอง เป็นเด็กคนที่สามที่หน้าตาเหมือนฝาแฝด ซึ่งตัวผู้เขียนกล่าวไว้ว่าเธอเป็นลูกของลุงกับหญิงสาวชาวบ้านที่ถูกลุงข่มขืน และเรื่องราวการกำเนิดของเธอก็ถูกนำไปเป็นเนื้อเรื่องของนิทานเรื่องที่ 13 นั่นเอง

เรื่องอ่านสนุก จบลงด้วยดีทุกอย่าง อิ่มเอมกับเนื้อเรื่อง เป็นความสุขปนความเศร้าที่บอกไม่ถูกในใจผู้อ่าน นักเขียนเขียนได้อย่างมีพลัง ตัวหนังสือของเธอมีเสน่ห์จริง ๆ


ผู้แต่งเรื่องนี้  ไดแอน เซตเตอร์ฟีลด์,

ข้อคิดจากในเรื่องที่น่าสนใจมากให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของหนังสือ "คนเราหายไปเมื่อสิ้นชีวิต เสียงของเขา เสียงหัวเราะของเขา ลมหายใจอบอุ่นของเขา เนื้อหนังมังสาของเขา และในที่สุดกระดูกของเขา ความทรงจำที่มีชีวิตทั้งหมดหยุดทำงาน สิ่งนี้น่ากลัวทั้งที่เป็นธรรมชาติ ถึงกระนั้น สำหรับบางคนแล้ว ความดับสูญนี้กลับมีข้อยกเว้น เพราะชีวิตของเขายังดำเนินต่อไปในหนังสือที่เขาเขียน เรายังค้นพบความเป็นตัวเขาได้อีก ทั้งอารมณ์ขันของเขา สำเนียงของเขา อารมณ์ของเขา คำพูดที่เขาเขียน อาจทำให้เราโกรธหรือมีความสุข ปลอบประโลม ทำให้งุนงงสงสัย หรือเปลี่ยนแปลงเรา ทำทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ได้ แม้ตัวจะตายไปแล้ว ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ควรจะสิ้นสลายไปตามกฎธรรมชาติ แต่กลับดำรงอยู่ได้เพราะความน่าอัศจรรย์ของหมึกและกระดาษ ไม่ต่างจากแมลงที่อยู่ในอำพันหรือศพที่แช่แข็ง นี่คือสิ่งมหัศจรรย์โดยแท้"

พระโอวาทของพระอรหันต์จี้กง

พระโอวาทของพระอรหันต์จี้กง...


1. ชีวิตย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งกรรมที่ลิขิต (ละชั่วทำดี)   วอนขออะไร

2. วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ กลุ้มเรื่องอะไร

3. ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์ เคารพทำไม

4. พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา ทะเลาะกันทำไม

5. ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต ห่วงใยทำไม

6. ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ ร้อนใจทำไม

7. ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย ทุกข์ใจทำไม

8. ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้ อวดโก้ทำไม

9. อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร อร่อยไปใย

10. ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ ขี้เหนียวทำไม

11. ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง โกงกันทำไม

12. โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย โลภมากทำไม

13. สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต ข่มเหงกันทำไม

14. ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน หยิ่งผยองทำไม

15. ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต อิจฉากันทำไม

16. ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ แค้นใจทำไม

(บำเพ็ญไวไว)

17. นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ เล่นการพนันทำไม

18. ครองเรือนด้วยความขยันประหยัดดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น สุรุ่ยสุร่ายทำไม

19. จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น อาฆาตทำไม

20. ชีวิตเหมือนเกมหมากรุก คิดลึกทำไม

21. ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้ รู้มากไหม

22. พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด โกหกทำไม

23. ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วในที่สุด โต้เถียงกันทำไม

24. ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด หัวเราะเยาะกันทำไม

25. ฮวงซุ้ยที่ดีอยู่ในจิตไม่ใช่อยู่ที่ภูเขา แสวงหาทำไม

26. ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ รู้กันทุกคนถามใครทำไม

27. ทุกสิ่งจบลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม