วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ฟ่าสั่งมาสืบ


คามินากะ, มานาบุ. ฟ้าสั่งมาสืบ. แปลโดย เสาวณีย์ นวรัตน์จำรูญ. กรุงเทพฯ : JBOOK, 2552-2553. 3 เล่ม.


        ผู้เขียนคนเดียวกับเรื่องยาคุโมะ นักสืบวิญญาณ’ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นซีรีส์สืบสวนเช่นกัน แต่เนื้อหาค่อนข้างเคร่งเครียด จริงจัง และบู๊โลดโผนกว่า ยาคุโมะ

เล่มที่ 1 ฝันร้ายพยากรณ์
       เป็นการเปิดตัวฮีโร่คนใหม่คือ ซานาดะ โชโงะ หนุ่มหล่อขั้นเทพผู้มากับดวง บุคลิกยียวนกวนประสาท และเข้าข่ายปากร้ายใจดี และมีอดีตอันเจ็บปวดผลักดันเขาเข้าสู่เส้นทางนักสืบ แต่นิสัยหัวรั้นและรักความถูกต้อง ทำให้งานสืบง่าย ๆ บานปลายเป็นงานช้างเสมอ และนางเอกสาวชื่อ
นากานิชิ ชิโนะ หญิงสาวผู้ใช้ชีวิตบนรถเข็น ทนทุกข์กับการฝันเห็นฉากฆาตกรรมชัดเจนเหมือนถ่ายทอดสด หนำซ้ำเหตุร้ายยังเกิดขึ้นจริงทุกครั้ง เธอจึงเดินหน้าฝืนโชคชะตา จนต้องเข้าไปพัวพันปริศนานองเลือด อันเป็นต้นเหตุแห่งความฝัน ทั้งสองตกลงช่วยกันหยุดยั้งความตายของเหยื่อเคราะห์ร้ายในฝันโดยไม่รู้เลยว่าเหตุบังเอิญทั้งหมดถูกกำหนดด้วยโชคชะตาซึ่งผูกโยงคนทั้งคู่มาแล้วตั้งแต่อดีต
เนื้อเรื่องในตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับขบวนค้ายาเสพติด ของประเทศเกาหลีเหนือ ส่งยาเสพติดมาขายที่ประเทศญี่ปุ่น และผู้ตายที่นางเอกฝันถึงนั้นก็เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ และในที่สุดเมื่อสืบคดีไปกลับพบว่า พ่อของนางเอกถูกบังคับให้เอาบริษัทของตนเป็นตัวแทนส่งขายยาในประเทศญี่ปุ่น โดยมีนางเอกเป็นตัวประกัน และผู้ร้ายในเรื่องก็เป็นคนรับใช้ใกล้ชิดนางเอกนั่นเอง
      ผู้ขียนเล่าเรื่องได้สนุก เนื้อหาตื่นเต้นเร้าใจ การดำเนินเรื่องเร็ว เหมือนดูภาพยนตร์

เล่มที่ 2 ดวงตาเพชฌฆาต
          นางเอกของเรื่องนากานิชิ ชิโนะ ได้เข้าร่วมกลุ่มนักสืบ แฟมิลี ของพระเอกซึ่งมีทั้งหมด 3 คน คือ ซานาดะ โชโงะ ทำหน้าที่ติดตาม ยามางาตะ หัวหน้ากลุ่มนักสืบ และคิมิกะฝ่ายเทคนิค ปลอมตัวและสะกดรอย เมื่อชิโนะเข้ากลุ่มก็ทำหน้าที่เฝ้าดูจอภาพ คอยส่งคลื่นแทรก คอยหาข้อมูลและทำบัญชีเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนร้ายจับตัวประกันแบบมีระเบิดขู่อยู่ในมือ มีตำรวจซุ่มยิง แต่ไม่สามารถยิงคนร้ายได้ ถ้าไม่มีคำสั่ง ซึ่งก็ไม่ค่อยมีคนกล้าสั่ง เพราะจะถือว่าทุกชีวิตมีความสำคัญ ฆ่าคนร้าย คือ ฆ่ามนุษย์ และก็ต้องโดนลงโทษ โดนสังคมประณาม มีความผิด ซึ่งสุดท้ายคนร้ายกดระเบิด ทำให้มีคนตายเป็นเบือ ในที่สุดญาติของกลุ่มเหยื่อคิดวางแผนเพื่อให้วงการตำรวจให้สามารถยิงคนร้ายจับตัวประกันได้ แต่แผนการนั้นจำเป็นต้องฆ่าและจับตัวประกันเหมือนที่คนร้ายทำ ซึ่งกลุ่มพระเอกเรียกว่า เลวพอ ๆ กับการก่อการร้าย เป็นตอนที่ค่อนข้างเสียดสีเรื่องวงการตำรวจของญี่ปุ่น และมุ่งเสนอทัศนคติของคนญี่ปุ่น ที่มักคิดว่าสังคมญี่ปุ่นสงบสุข คงไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นหรอก ถึงมีก็คงไกลตัว
          เรื่องในตอนนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกร่วมด้วยกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นญาติของเหยื่อ และมักคิดว่าถ้าเกิดเรื่องกับเราจะทำอย่างนั้นหรือไม่ และค่อนข้างเห็นใจตำรวจเหมือนกัน เพราะเป็นสังคมที่ไม่ให้ตำรวจทำวิสามัญฆาตกรรม อย่างที่บ้านเราชอบทำ

เล่มที่ 3 บาดแผลปีศาจ
         บาดแผลปีศาจชิโนะฝันเห็นผู้ชายใบหูแหว่งเจ้าของรอยยิ้มเย็นเยือกในห้องขังเดี่ยวเป็นครั้งแรกที่เธอสะดุ้งตื่นโดยไม่ได้เห็นวาระสุดท้ายของคนในฝัน ไม่นานนักสำนักงานนักสืบ “แฟมิลี่” รับงานตามสืบพฤติกรรมลูกสาวให้นักธุรกิจ และบุกเข้าช่วยเด็กหญิงไว้ได้ขณะถูกล่อลวงให้ใช้ยาเสพติด ทว่าเมื่อสัมผัสตัวเด็กหญิงชิโนะกลับเห็นภาพนักโทษชายคนเดิมจะฆ่าตัวตายซ้ำร้ายยังต่อด้วยภาพเหตุการณ์ขณะเขาปลิดชีพผู้คุม ขณะเดียวกันมีข่าวแหกคุกของเจ้าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่เพื่อต้องการแก้แค้นอดีตคนรักกับนายตำรวจผู้จับกุมเขา ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวเธอทุกคน
         ตอนนี้ผู้เขียนได้ขียนถึงอดีตของตัวละคร 2 คนคือยามางาตะ ที่เป็นหัวหน้าสำนักงานนักสืบ และคิมิกะผู้ร่วมงาน ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ในตอนนี้ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดที่เป็นภาคต่อจากภาคที่ 1 อ่านสนุกเหมือนเดิม

ซายากะ สาวน้อยนักสืบ




อาคากะวา, จิโร. ซายากะ สาวน้อยนักสืบ. แปลโดย วิภา งามฉันทกร. กรุงเทพฯ : บลิส พับลิชชิ่ง, 2548-2554. 13 เล่ม.
         ติดตามอ่านตั้งแต่เล่มแรกจนถึงเล่มที่ 13 ตอนแรกที่หยิบมาอ่านก็นึกว่าเป็นเรื่องนักสืบทั่ว ๆ ไป เพราะเคยอ่านเรื่องของอาคากะวา จิโรมาแล้วในเรื่องมิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ ซึ่งไม่ค่อยประทับใจ แต่เมื่ออ่านจบเล่มแรก ความรู้สึกเปลี่ยนไป ชอบมากเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่ให้ตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นชื่อ ซายากะ และไม่ได้คิดจะเป็นนักสืบ แต่เหตุการณ์มันพาไปให้ต้องไปพัวพัน ซึ่งในเล่มที่หนึ่งเพื่อนของซายากะถูกฆ่าตายในโรงเรียน แม้ว่าจะเป็นนักเรียนที่โดดเรียนบ่อย แต่ก็ไม่ใช่เด็กเกเร ไป ๆ มา ๆ พบว่าคนที่ฆ่าเพื่อนคือพ่อของเพื่อนเองที่รักลูกสาวของตนเองมาก จนทำเรื่องน่าบัดสี และเมื่อคิดว่าลูกสาวจะไปมีคนอื่น ก็ไม่ยอมจนนำไปสู่การฆ่าลูกของตน ด้วยเรื่องที่ทันสมัย และมีเรื่องขำขันแทรกเป็นระยะ ทำให้ต้องหยิบเล่มที่ 2 และต่อ ๆ ไปมาอ่าน
         นอกจากนี้หนังสือชุด ซายากะ แต่ละเล่มตัวละครจะโตขึ้นหนึ่งปี ตัวละครหลัก ๆ ของเรื่องมีพัฒนาการ อย่างครูประจำชั้นของซายากะ และสารวัตรที่มาสืบสวนในคดีแรก มีความชอบพอกัน เล่มต่อ ๆ ไป ก็พัฒนาสู่การเป็นคนรัก จนในที่สุดก็แต่งงานมีลูกสาวน่ารัก ส่วนตัวซายากะเองก็มีเพื่อนชาย ซึ่งแต่ละตอนก็มีลักษณะที่แม่เพื่อนชายไม่ชอบ คอยกีดกัน หาผู้หญิงอื่นมาแย่ง จนทำให้ห่างเหินกัน และมีผู้ชายคนอื่นมาเป็นแฟนแทน ผู้อ่านจะรู้สึกผูกพัน และลุ้นไปในแต่ละปี นอกเหนือจากเรื่องลึกลับที่ซายากะต้องไปพัวพัน ทำให้ต้องตื่นเต้นอยู่เรื่อย ๆ
          อ่านซายากะเล่มที่ 14 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 เป็นเล่มล่าสุดของชุดนี้ และได้ทราบข่าวว่า บริษัท บลิส พับลิชชิ่ง ได้ปิดบริษัทไปแล้ว ทำให้การอ่านเรื่องแปลจากประเทศญึ่ปุ่นในหลาย ๆ เรื่องที่กำลัง ติดตามเป็นอันต้องจบด้วย รออนาคตว่าจะมีสำนักพิมพ์อื่น ๆ ที่จะพิมพ์หนังสือแนวญึ่ปุ่นออกมาหรือไม่ ส่วนเรื่องซายากะ ตอนนี้ ไม่ค่อยสนุก เนื้อเรื่องไม่ค่อยหนักแน่น เป็นเหมือนบันทึกชีวิตของซายากะกับผู้คนที่มาเกี่ยวข้องมากกว่า บางเหตุการณ์เช่น ลูกศิษย์ของอาจารย์คินุโกะ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ประจำชั้นของซายากะ มาฆ่าตัวตายที่ห้องเรียน ทำให้อาจารย์คินุโกะถูกใส่ความว่าเป็นคนล่อลวงให้ลูกศิษย์มีปัญหา จนถูกบีบให้ลาออก ในเรื่องก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่าลูกศิษย์คนนั้นมีปัญหาอะไร นอกจากนี้ในเรื่องยังมีตัวละครมากเกินไป ทำให้ได้บทไปคนละเล็กละน้อย และหลายเหตุการ์ณก็ค้างเติ่งไม่มีบทสรุป ซึ่งในเล่มก่อน ๆ ทุกเหตุการณ์จะสรุปให้ผู้อ่านเข้าใจ  ทำให้รู้สึกว่าในเรื่องที่ต้างเติ่งนั้นจะไปอยู่เล่มต่อไป
เล่ม 16 ชื่อตอนว่า ไวโอลินสีรุ้ง
(ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้อ่านเมื่อไร)
ต่อเนื่องมาจากวรรคก่อน หนังสือชุดนี้มีสำนักพิมพ์ I'm Book นำมาจัดพิมพ์ใหม่ ดีใจมาก เป็นความคุุ้นเคยเหมือนได้เจอเพื่อนสนิทที่หายไปนาน ตัวละครที่รู้จักมีความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะซายากะที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และมีหน้าที่การงานที่ก้าวหน้า เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ เลย ขอบคุณนักแปลที่พยายามหาสำนักพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์หนังสือที่ J Book เคยพิมพ์และมีแฟนนักอ่านยังติดตามอยู่ เรียกว่าไม่ทิ้งแฟนคลับอย่างแน่นอน ไม่เหมือนนายทุนที่ตั้งสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ แต่เมื่อไม่กำไรก็ล้มเลิกกิจการไม่สนใจนักอ่านที่กำลังติดตาม

เล่ม 17 ชื่อตอนว่า ทางเดินสีอัสดง
เล่ม 18 ชื่อตอนว่าแก้วกากาแฟสีไข่มุก

0 นาฬิกา : เวลาปาฏิหาริย์



อาคากะวา, จิโร. 0 นาฬิกา เวลาปาฎิหาริย์. แปลโดย เมธินี นุชนาคา. กรุงเทพฯ : สยามอินเตอร์บุ๊คส์, 2552. 215 หน้า. ราคา 185 บาท


           เป็นเรื่องของวิญญาณผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุรถบัสพลิกคว่ำตกทะเลสาบซึ่งส่งข้อความนัดพบถึงคนที่เป็นที่รัก ในเวลา 0 นาฬิกา ที่ท่ารถบัสโดยสาร เพื่อร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะเป็นเวลาเพียง 1 ชั่วโมง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจมาก เป็นเรื่องน่าอบอุ่นของนักเขียนอาคากาวะ จิโร ที่เป็นนักเขียนแนวสืบสวน แต่เขียนเรื่องนี้ได้น่าประทับใจมาก
            คนส่วนใหญ่เมื่อคนที่รักจากไป มักจะคิดว่าพวกเขามีอะไรอยากพูดหรืออยากบอกหรือไม่ และถ้าได้กลับมาพูดคุยอีกครั้งคงจะดีไม่น้อย ในเรื่องนี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีนี้กับผู้อ่าน โดยไม่ต้องถามว่า เป็นไปได้อย่างไร และคนตายตั้งมาก แต่ทำไมกลับมาเพียงไม่กี่คน และคนที่รับข้อความทำไมจึงไม่มีความลังเลที่จะมา ทำไม ทำไม เพราะคำถามเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เรื่องนี้จะตอบ แต่เป็นเรื่องที่เสนอแต่เรื่องที่ว่าเมื่อคนตายที่เป็นที่รักของใครสักคน กลับมาก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เป็นความรู้สึกน่าตื่นเต้น และไม่ชักช้าที่จะสัมผัส เป็นเรื่องที่คิดกันจริง ๆ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เป็นเรื่องที่คิดว่าเป็นความรู้สึกที่คนเรามักอยากได้
           เป็นเรื่องที่อ่านได้สนุก มีตัวละครมาก แต่ก็ปูพื้นให้ผู้อ่านรู้จักแต่ละคนได้ดี และการดำเนินเรื่องก็ทำได้เร็ว ตามสไตล์นักเขียนท่านนี้ และเมื่ออ่านถึงตอนที่ผู้ตายได้พบกับคนที่รัก ก็รู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย และบางช่วงก็ต้องหลั่งน้ำตาให้ด้วย

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

มนตร์น้ำหมึก



ฟุงเค่อ, คอร์เนอเลีย. มนตร์น้ำหมึก = Inkspell. แปลโดย วัชรวิชญ์. กรุงเทพฯ : Nanmee Teen Book, 2549. 644 หน้า. ราคา 395 บาท.

         เป็นเล่มที่ 2 ในผลงานไตรภาคเกี่ยวกับการผจญภัยของแม็กกี้ ในเรื่องแรกคือหัวใจน้ำหมึก เป็นเรื่องที่อ่านเอาตัวละครจากหนังสือออกมาอยู่ในโลกปัจจุบัน โดยมีคาปริคอร์นซึ่งเป็นนักวางเพลิงในหนังสือเป็นตัวร้ายของเรื่อง และถูกกำจัดโดยโม พ่อของแม็กกี้ ที่อ่านเอาเงาออกมาฆ่า ส่วนในตอนนี้เป็นเรื่องที่นิ้วฝุ่นตามหาคน ๆ หนึ่งที่ชื่อออร์เฟอุสมาอ่านให้ตัวเองได้กลับไปยังโลกในหนังสือ และขณะเดียวกัน แม็กกี้ก็สามารถอ่านตัวเองเข้าไปในหนังสือได้ด้วย เรื่องทั้งหมดจึงเป็นการเสนอเรื่องเกี่ยวกับโลกที่เฟโนกลิโอแต่ง
         แม็กกี้ได้อ่านหนังสือมีความรู้สึกชวนฝัน อยากไปสัมผัส อยากไปเห็นเหล่าภูต ปราสาท นักแสดงเร่ ป่าไร้หนทาง แต่เมื่อได้ไปสัมผัสจริงกลับรับรู้ว่าเป็นสังคมที่โหดร้าย และเมื่อมอร์โทลาและบาสต้าบังคับพ่อแม่ของเธอให้ถูกอ่านเข้ามาด้วยเพื่อการแก้แค้น ชีวิตทั้งหมดก็ดูอันตรายมากยิ่งขึ้น
         เนื้อหาในเล่มนี้เข้มข้น สนุกสนานมากกว่าเล่มแรก เพราะมีเรื่องราวจินตนาการอยู่มากมาย ผู้อ่านจะรู้สึกตื่นเต้นกับตัวละครเหนือจริง และมีครบทุกอารมณ์ทั้งอารมณ์เศร้า ลึกลับ ตื่นเต้น และเมื่ออ่านไปจะไม่สามารถคาดเดาเนื้อเรื่องได้เลย ต้องติดตามไปอย่างจดจ่อ ตอนใกล้จบของเรื่องนี้ให้นิ้วฝุ่นเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ฟาริดได้ฟื้นคืนชีพ  ทำให้ฟาริดต้องขอร้องให้แม็กกี้อ่านออร์เฟอุสเข้ามาเพื่อมาแต่งเรื่องให้นิ้วฝุ่นฟื้นคืน แต่ออร์เฟอุสเป็นคนนิสัยไม่ดี บังคับให้ฟาริดเป็นคนรับใช้ และฟาริดก็ต้องจำยอม ซึ่งเรื่องราวต่อจากนี้เป็นอย่างไรก็ต้องติดตามอ่านเล่มที่ 3 คือน้ำหมึกมฤตยู

คินดะอิจิ ตอนที่ 21 หญิงผู้ถือพัดจีน




โยโคมิโซะ, เซมิ. คินดะอิจิยอดนักสืบ. ตอนที่ 21, หญิงผู้ถือพัดจีน. แปลโดย บุษบา บรรจงมณี. [กรุงเทพฯ] : JBook, 2553. 239 หน้า. ราคา 185 บาท

เป็นเรื่องที่ 21 ในหนังสือชุดคินดะอิจิ มี 3 เรื่องในเล่ม คือ หญิงผู้ถือพัดจีน การต่อสู้ระหว่างสองหญิง และทะเลสีเลือด

หญิงผู้ถือพัดจีน เป็นเรื่องของหญิงที่ชื่อมินาโกะที่คิดว่าตัวเองสืบเชื้อสายจาก “หญิงผู้ถือพัดจีน” ที่ถูกจับกุมในฐานะฆาตกรที่วางยาพิษสามี และมีอาการละเมอเดินจนถึงกับฆ่าคนในบ้านถึง 2 ศพ ซึ่งเมื่อคินดะอิจิร่วมสืบกับตำรวจ พยานหลักฐานกลับเปลี่ยนไปมัดตัวสามีของมินาโกะแทน ว่าสามีทำรูปภาพ “หญิงผู้ถือพัดจีน” ปลอม และนำมาให้ภรรยาดูเพื่อให้เธอยิ่งเชื่อว่า เธอคือ “หญิงผู้ถือพัดจีน” กลับชาติมาเกิด และเลือดชั่วยังคงไหลเวียนในตัวเธออยู่ เพื่อให้ภรรยาเครียดจัดและให้มีอันเป็นไป จะได้สมบัติของภรรยา แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์ตอนเกิดคดีฆาตกรรม และนำมาแบล็กเมล์ จนในที่สุดฆาตกรต้องดำเนินการฆ่าผู้แบล็กเมล์ ซึ่งคินดะอิจิสืบจนพบและได้นำตำรวจไปจับกุมฆาตกรได้ แต่ฆาตกรก็ได้   ฆ่าตัวตายไปก่อนที่จะถูกจับ และเมื่อเปิดเผยหน้าปรากฎว่าเป็นมินาโกะนั่นเอง

การต่อสู้ระหว่างสองหญิง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เมื่ออ่านแล้วจะรู้สึกสบาย ๆ นึกว่าไม่มีเหตุฆาตกรรม เพราะเป็นเรื่องความหึงหวงธรรมดาของผู้หญิง 2 คนที่คนหนึ่งถูกแย่งสามีไป และอีกคนเป็นภรรยาใหม่ มาโคจรพบกัน เหตุการณ์เป็นลักษณะการวางยาพิษ แต่เมื่อเกิดเรื่องแล้ว คินดะอิจิที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกวางยาได้ และนึกว่าเพียงแต่สืบว่าใครเป็นคนวางยาเท่านั้น แต่ในที่สุดก็มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่ถูกฆ่าคือสามีที่สองหญิงแย่งกัน แต่เมื่อสืบไปกลับเป็นว่าภรรยาใหม่เป็นคนลงมือ เนื่องจากพบว่าชายที่เธอแย่งมานั้นไม่มีความเก่งตามที่ฝันไว้ และเป็นสามีที่ภรรยาเก่าไม่เอาแล้ว จึงเกิดความแค้นและวางแผนฆ่าสามี และป้ายความผิดให้ภรรยาเก่า

ทะเลสีเลือด เป็นเรื่องที่เกิดในชนบทแห่งหนึ่งที่ผู้คนอยู่กันมานาน แต่มีความแค้นระหว่างตระกูลด้วยกัน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อลูกชาย 2 ตระกูลที่มีความแค้นระหว่างกันแย่งผู้หญิงสวยคนเดียวกัน ซึ่งในที่สุดผู้หญิงที่แย่งกันถูกฆ่า เมื่อคินดะอิจิกับตำรวจสืบกันไปพบว่า ผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายกาจคือภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ที่หึงหวงเด็กหนุ่มที่เป็นชู้และมารักหญิงสวยคนนั้น แต่ขณะเดียวกันก็ถูกซ้อนแผนด้วยคนอีกคนหนึ่งที่ทำตัวให้คนอื่นเห็นว่าเป็นบ้านั้น และไม่มีผู้สนใจ เนื่องจากต้องการแก้แค้นผู้คนในหมู่บ้านนั้นที่ไม่สนใจตน

         ทั้ง 3 เรื่องมีแก่นเรื่องคือความร้ายกาจของผู้หญิงที่มีสาเหตุมาจากความแค้น ความหึงหวง บางครั้งการเป็นผู้หญิงทำให้ดูว่าอ่อนแอ ไม่มีความแข็งแรง แต่เมื่อผู้หญิงเกิดความคิดที่ต้องการแก้แค้น ก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้ อ่านได้สนุก จนวางไม่ลง เพราะต้องติดตามว่าฆาตกรคือใคร

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

คินดะอิจิ ตอนที่ 20 ข้างหลังบานประตู

โยโคมิโซะ, เซชิ. คินดะอิจิยอดนักสืบ. ตอนที่ 20, ข้างหลังบานประตู. ชมนาด ศีติสาร, แปล. [กรุงเทพฯ] : JBook, 2553. 295 หน้า. ราคา 225 บาท

         เป็นเรื่องที่ 20 ในหนังสือชุดคินดะอิจิ มี 3 เรื่องในเล่ม คือ ข้างหลังบานประตู ฆาตกรรมชายหาด และ เกาะภาพลวงตา

ข้างหลังบานประตู เป็นเรื่องฆาตกรรมผู้หญิงบาร์คนหนึ่งด้วยปิ่นปักหมวก ซึ่งผู้พบศพเป็นหญิงสาวอีกคนที่ถูกผู้ตายแย่งคนรัก จึงมาว่าจ้างคินดะอิจิสืบหาฆาตกร แต่วันรุ่งขึ้น ศพผู้ตายถูกพบที่แม่น้ำ เมื่อสืบไปพบว่ามีความพัวพันกับคนอีกหลายคน และแต่ละคนก็ยังมีความลับที่เปิดเผยไม่ได้ แต่ในที่สุดคินดะอิจิพบว่า ผู้ตายถูกฆ่าผิดตัว เพราะฆาตกรต้องการฆ่าอีกคนซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมต้น แต่ในตอนแรกถูกมองข้ามเพราะนักเรียนมัธยมคนนั้นถูกรถชนตาย

ฆาตกรรมชายหาด อาจารย์ผู้หนึ่งถูกฆ่าด้วยยาพิษที่ทำให้เหมือนหัวใจวาย แต่ลูกศิษย์สาวยืนยันว่าถูกวางยา เนื่องจากอาจารย์สามารถอ่านริมฝีปากคนได้ว่าพูดอะไร และอาจทำให้คนร้ายมาปิดปาก คินดะอิจิอยู่ในเหตุการณ์ด้วย สืบพบว่หลานชายของเพื่อนอาจารย์ที่ถูกฆ่าเป็นฆาตกร เนื่องจากไม่ต้องการให้อามีคู่ครอง เมื่ออาเป็นอะไรไป สมบัติจะเป็นของตนทั้งหมด

เกาะภาพลวงตา ฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมที่ฆาตกรเป็นคนในครอบครัวเดียวกันที่รวมหัวกันฆ่าภรรยาของเศรษฐีซึ่งเคยเป็นอดีตคนรักของลูกชายคนรอง และก่อนตายได้สารภาพเรื่องนี้ให้พ่อแม่ทราบ ดังนั้นครอบครัวนี้จึงวางแผนฆ่าให้ดูเหมือนสามีขี้หึงฆ่าภรรยาของตนเมื่อทราบว่าภรรยาของตนยังคบชายชู้อยู่ การฆาตกรรมอาจเนื่องมาจากการแก้แค้นแทนลูกชายที่ถูกทอดทิ้ง และขณะเดียวกันเมื่อเจ้าของทรัพย์สมบัติถูกจับทรัพย์สมบัติย่อมตกกับครอบครัวนี้ เพราะเป็นญาติกัน

       อ่านได้สนุก มีความตื่นเต้นเร้าใจ และพล็อตเรื่องก็ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งก็เป็นเสห่ห์ในหน้งสือชุดคินดะอิจิ ผู้อ่านจะคาดเดาว่าฆาตกรคือใคร ซึ่งทำให้การอ่านต้องมีการจับประเด็นน่าสงสัยไปด้วย เพื่อจะได้ทราบว่าฆาตกรที่คาดเดานั้นเป็นจริงหรือไม่ เป็นหนังสือชุดที่ใครเป็นแฟนแล้วต้องติดตามอ่านอย่างต่อเนื่อง

แฮร์รี่ พอตเตอร์




แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต = Harry Potter and the deathly hallows. โรว์ลิ่ง, เจ. เค. แปลโดย สุมาลี. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์, 2550. 696 หน้า. ราคา 495 บาท



สัญญลักษณ์เครื่องรางยมทูต
       เนื่องจากภาพยนตร์ได้นำตอนนี้มาฉายโดยแบ่งออกเป็น 2 ตอน จึงนำหนังสือมาอ่านเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก็ยังสนุกเหมือนเดิม เพราะมีรายละเอียดมาก ตอนสุดท้ายของชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์นั้นเป็นตอนที่พูดถึงรายละเอียดที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในตอนต้น ๆ อย่างเช่น ตอนลอร์ดโวเลอร์มอร์บุกบ้านและฆ่าพ่อแม่แฮร์รี่ ซึ่งควรเป็นเรื่องในตอนที่ 1 ประวัติครอบครัวของดัมเบิลดอร์ และประวัติของพ่อมดแม่มดที่ก่อตั้งโรงเรียนฮอกต์วอตต์ และที่สำคัญที่สุดคือการเปิดเผยตัวตนของสเนปที่ดูร้ายกาจกับแฮร์รี่ในทุก ๆ ตอนที่ผ่านมา
       การอ่านหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุก ๆ ตอนจะรู้สึกเหมือนได้พบกับคนที่รู้จัก เพราะตั้งแต่ตอนแรกที่แฮร์รี่ยังเป็นเด็ก และค่อย ๆ โตเป็นหนุ่มที่มีเรื่องราวการผจญภัย กับเพื่อนรัก 2 คนคือ รอน วีสลี่ย์ และเฮอร์ไมโอนี่ ทำให้ผู้อ่านต้องคอยลุ้นระทึกไปตลอดเวลา และเรื่องราวในจินตนาการที่บรรเจิด เมื่ออ่านถึงตอนจบ ทำให้มีความคิดว่า เจ.เค. โรลลิ่ง นี่สุดยอดจริง ๆ
        แก่นของเรื่องมีสั้น ๆ สรุปได้ว่า คนที่คิดว่าตัวเองเก่ง และอยากจะครอบครองคนทั่วโลก โดยไม่สนใจว่าได้ฆ่าคนไปกี่คน จะไม่สามารถชนะคนที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนอื่น ซึ่งแสดงให้เห็นตั้งแต่ตอนที่ 1 ที่แม่ของแฮร์รี่ เอาตัวเองปกป้องลูก จนทำให้ลอร์ดโวเลอร์มอร์สูญเสียร่างกาย และในตอนจบก็แสดงอีกครั้งที่ให้แฮร์รี่ไปเผชิญหน้ากับลอร์ดโวเลอร์มอร์ แต่แล้วสิ่งที่ลอร์ดโวเลอร์มอร์ฆ่าได้คือฮอร์ครักซ์ วิญญาณส่วนที่ 7 ของลอร์ดโวเลอร์มอร์ที่อยู่ในตัวแฮร์รี่ตั้งแต่ตอนที่ 1 ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมแฮร์รี่ล่วงรู้ความคิดของลอร์ดโวเลอร์มอร์
         ตลอดเวลาที่อ่านจะนับฮอร์ครักซ์ว่า ครบ 7 ชิ้นหรือยัง ซึ่่งขอบันทึกไว้ว่า ฮอร์ครักซ์ทั้ง 7 มีดังนี้ ชิ้นแรกคือ บันทึกของทอม ริดเดิ้ล ชิ้นที่ 2 คือแหวนประจำตระกูลกอนน์ ซึ่งเป็นหินเครื่องรางด้วย สามารถเรียกคนที่ตายกลับมาได้ ชิ้นที่ 3 ลอกเก็ต ที่ดัมเบิลดอร์ไปเอากับแฮร์รี่ในตอนที่ 6 ที่ถูกเรกูลัส เบลค เอาไปก่อน ชิ้นที่ 4 ถัวยฮัฟเฟิลพัฟ ชิ้นที่ 5 รัดเกล้าของเรเวนคลอ ชิ้นที่ 6 งูนากินีที่อยู่ใกล้ตัวลอร์ดโวเลอร์มอร์ ชิ้นที่ 7 ในตัวแฮร์รี่

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

พี่น้องสองมิติ

อาคากะวา, จิโร. พี่น้องสองมิติ. แปลจากเรื่อง Futari โดย ฮิโรกะ ลิมวิภูวัฒน์. กรุงเทพฯ : JBOOK, 2551. 236 หน้า. ราคา 185 บาท

          เป็นหนังสือของอาคากาวะ จิโร ที่ไม่ใช่แนวสืบสวน แต่เป็นนิยายแนวปัญหาครอบครัว ที่ให้กำลังใจ
          เนื้อเรื่องว่าด้วยครอบครัวอิตาโอะ ซึ่งตอนแรกมีสมาชิก 4 คน คือ พ่อ แม่ และลูกสาว 2 คน คนโตชื่อ ชิสึโกะ ส่วนคนเล็กชื่อ มิกะ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินเรื่อง เป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่แล้วเกิดอุบัติเหตุกับชิสึโกะ จนทำให้เสียชีวิต ซึ่งทำให้ครอบครัวทุกข์ระทม โดยเฉพาะแม่แทบจะล้มป่วย และเมื่อชิสึโกะที่ตายไปมาอยู่ในตัวของมิกะ ทำให้มิกะสามารถฟื้นตัว และช่วยให้ทุกคนฟื้นเป็นปกติ ชีวิตดำเนินต่อไป มิกะได้ขึ้นมัธยม 4 ได้เข้าอยู่ชมรมการละคร ได้รับเลือกให้เล่นละครประจำปีโดยได้รับบทสำคัญ จนเป็นที่อิจฉาของรุ่นพี่ ซึ่งได้โทรศัพท์มาที่บ้าน บอกแม่ของมิกะว่าลูกได้รับอุบัติเหตุ แม่ที่มีจิตใจอ่อนไหวอยู่แล้ว เกิดช็อกขึ้นจนต้องส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันพ่อถูกบริษัทย้ายไปอยู่ที่ซัปโปโร และยังไปยุ่งกับพนักงานหญิงของบริษัท ซึ่งแม่จับได้ ทำให้อาการป่วยหนัก ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ มิกะต้องอยู่บ้านคนเดียว แต่ด้วยมีพี่สาวทำให้มิกะเข้มแข็ง แต่เรื่องของพ่อกลับบานปลาย เพราะพนักงานสาวออกมาพบแม่ เพื่อขอให้พ่อไปอยู่ด้วย และดูเหมือนว่าพ่อจะตัดสินใจไม่ได้ ทำให้มิกะโกรธมากจนคิดจะฆ่าพ่อ และเมื่อชิสึโกะห้าม มิกะก็บอกให้ชิสึโกะไปให้พ้น แต่ในเวลาเดียวกันแม่กลับเข้าใจพ่อและไม่ได้ห้ามพ่อที่จะไป มิกะจึงรู้สึกตัวแต่ชิสึโกะไม่อยู่แล้ว
            เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกคนได้ เพียงแต่บางคนก้าวข้ามไปได้ ขณะที่อีกหลายคนพ่ายแพ้ มิกะเป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่รู้จักคิด และพยายามทำตัวอย่างมีคุณค่า และตัวพี่ชิสึโกะที่อยู่ในตัวมิกะนั้นก็เป็นความคิดฝ่ายดี ที่มิกะสร้างขึ้นมา เพื่อพยายามผลักดันตัวเองให้มุ่นมั่น
            ผู้แต่งอาคากาวะ จิโร มักจะเขียนตัวละครตัวเอกที่เป็นเด็กวัยรุ่นผู้หญิงได้น่ารัก มีความมุ่งมั่น จัดการกับชีวิตที่วุ่นวายได้ดี พยายามทำทุกอย่างที่เผชิญไม่ว่าดีหรือร้ายอย่างดี ไม่ค่อยตีโพยตีพาย ผู้อ่านจะได้ข้อคิดดี ๆ และเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตได้