วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรื่องรักขนาดใหญ่ของเด็กชายตัวเล็ก (Smal as an elephant). จาคอบสัน, เจนนิเฟอร์ ริชาร์ด. ปณต ไกรโรจนานันท์, แปล. กรุงเทพฯ: แพรวเยาวชน, 2558. 204 หน้า. ราคา 185 บาท.



เนื้อเรื่องว่าด้วยเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อ แจ็ก มาร์เทล อายุ 12 ปี ที่ถูกแม่ทิ้งไว้กลางวนอุทยานที่เขาและแม่มาเที่ยวกันในวันหยุดเรียน แม่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เขาไม่สามารถบอกใครได้ว่าถูกแม่ทิ้ง เพราะเมื่อคนอื่นรู้เขาจะถูกพรากไปจากแม่ทันที เขาต้องคอยหลบหลีกผู้คน ต้องใช้ชีวิตตามลำพังอยู่หลายสิบวัน มีข่าวเกี่ยวกับแจ็กตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ในบางขณะก็พบผู้ใหญ่ใจดีหลายคนที่ให้ความช่วยเหลือ แต่แจ็กก็รับไว้ไม่ได้ กลัวว่าจะถูกตำรวจจับ และจะส่งตัวกลับไปอยู่กับยายที่แม่ไม่ชอบ และจะไม่ได้พบหน้าแม่อีก แต่มีสิ่งหนึ่งที่แจ็กแน่วแน่ในการกำหนดการเดินทางครั้งนี้ก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านคือการไปหาช้างในสวนสัตว์ที่รัฐเมน เพราะแจ็กชอบช้างมาก ๆ และแจ็กก็ได้ไปถึงที่นั่นตามที่ตั้งใจ และการเดินทางที่แสนลำบากสำหรับเด็กอายุ 12 ปี ก็สิ้นสุดลงเพราะที่สวนสัตว์นั่น เขาได้พบยายที่รักเขามาก และเข้าใจความแปรปรวนของแม่ที่ทิ้งแจ็กไว้ และตัวเองไปเที่ยวที่อื่นไกลออกไป

  เมื่ออ่านเรื่องนี้จบลง จะรู้สึกถึงความสุขจากเรื่องราวแสนประทับใจ ตลอดเรื่องจะค่อย ๆ พัฒนาให้เห็นว่าทำไมแจ็กจึงสามารถดำเนินชีวิตตัวคนเดียวได้ เพราะตลอดเวลาที่แจ็กอยู่กับแม่ที่บ้าน ก็ถูกทิ้งอยู่ให้อยู่คนเดียวบ่อย ๆ เนื่องจากแม่มีโรคทางจิตที่ไม่รับรู้เรื่องราวของใครนอกจากตัวเอง  ต่อเมื่ออารมณ์หายแปรปรวน จึงค่อยกลับมาบ้าน แจ็กจึงเป็นเด็กที่ดูแลดัวเองได้ แต่การที่มีแม่แบบนี้ แจ็กก็รักแม่มาก ไม่ต้องการให้ใครมาพรากแม่ไป แต่สุดท้ายด้วยความลำบากในการเดินทาง ทำให้เขาเปิดใจรับความรักจากยายที่ติดตามหาเขาตลอดเวลาหลายวัน และรู้ว่าในวัยเด็กของเขา ยายเป็นผู้ดูแลเขาตลอด และเคยพาเขาไปละครสัตว์ ทำให้เขารู้จักช้างและหลงรักช้างมาตลอดตั้งแต่นั้น
    เรื่องราวความรักของเด็กชายตัวเล็กคนนี้ เป็นเหมือนตัวแทนมนุษย์ลูกที่จะบอกแม่ ๆ ทั้งหลายว่าลูกรักแม่มากแค่ไหน และไม่ว่าแม่จะเป็นอย่างไร แม่ก็เป็นคนดีที่สุดในโลกของลูกเสมอ
   หนังสือเรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมาย
   "ในแต่ละปี ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการประกาศรางวัล A Parent’s Choice Awards ให้วรรณกรรมเยาวชนที่กรรมการเห็นว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ควรซื้อให้ลูกอ่าน ซึ่งเมื่อปี ค.ศ.2011 ความรักขนาดใหญ่ของเด็กชายตัวเล็ก ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง และพอหนังสือกระจายไปอยู่ในมือนักอ่านแล้ว ก็ได้รับการลงคะแนนให้เข้ารอบสุดท้ายและชนะเลิศรางวัลด้านวรรณกรรมเยาวชนอีกหลายรางวัล ทั้งหมดคือเครื่องการันตีชั้นเยี่ยมว่าเรื่องราวของเด็กชายแจ็ก มาร์เทลทรงพลังไม่น้อย
แจ็ก มาร์เทล พระเอกของเรื่องนี้ ไม่ใช่เด็กดีอะไรมากมาย เขาดื้อรั้น ทำผิด เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้แจ็กต่างจากเด็กคนอื่น คือความรักขนาดใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลา ขณะเดินทางตามหาแม่ ผู้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย"
ผู้แต่ง เจนนิเฟอร์ ริชาร์ด จาคอบสัน


ยาคุโมะ นับสืบวิญญาณ (Another files) ตอนต้นไม้แห่งคำลวง. คามินากะ, มานาบุ. แปลโดย พลอยทับทิม ทับทิมทอง. กรุงเทพฯ :  เอ็นเธอร์บุ๊คส์,  2559.  234 หน้า.  ราคา 189 บาท.

   ยาคุโมะ นักสืบดวงตาซ้ายสีแดงที่เห็นวิญญาณ เล่มนี้เป็นเรื่องราวในอดีตของอิชิอิ ตำรวจหนุ่มจอมขี้ขลาดแห่งหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ เรื่องราวเริ่มจากการที่อิชิอิ เห็นศพในที่เกิดเหตุ อดีตเมื่อสิบปีก่อนที่เขาคิดว่าได้ฆ่าใครบางคนตาย และเจ้าตัวอยากลืมใจจะขาดก็หวนคืนมาอีกครั้ง... และยังมีคำให้การของผู้ต้องสงสัยกับพยานซึ่งมีส่วนที่เหมือนแต่ก็มีส่วนที่ไม่เหมือนกัน และเรื่องที่เพื่อนของฮารุกะถูกวิญญาณใครบางคนเข้าสิงอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนวุ่นวาย แต่เมื่อยาคุโมะลงมือสืบกับวิญญาณทั้งที่ถูกฆ่าในปัจจุบันและอดีต ทำให้รู้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวพันกัน คือ พี่น้องสองสาวรักผู้ชายคนเดียวกัน ซึ่งในอดีตพี่สาวคนพี่ถูกผลักตกบันไดศาลเจ้า แต่ตำรวจไม่มีหลักฐานจึงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ และในปัจจุบันน้องสาวได้มาเป็นคู่หมั้นของชายคนรักของพี่สาว แต่ด้วยความแค้นที่คิดว่าถูกคนรักฆ่า พี่สาวจึงเข้าสิงร่างน้องสาว แต่เมื่อฆ่าสำเร็จจึงรู้ว่าน้องสาวของเธอต่างหากที่ผลักเธอตกบันได เธอจึงต้องไปสิงเพื่อนของฮารุกะ เพื่อจะได้กลับมาฆ่าน้องสาว ส่วนที่อิชิอิคิดว่าเป็นคนฆ่า เขาเพียงคิดไปเอง 

    เนื้อเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน ตามแบบฉบับของยาคุโมะ และเมื่อเรื่องราวถึงบทสรุป ผู้อ่านจะรู้สึกว่าเรื่องมันหักมุม ผู้ร้ายจะเป็นคนที่เราคาดไม่ถึง สนุกเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เนื้อเรื่องเป็นของคนใกล้ตัวของยาคุโมะ ไม่ใช่เรื่องราวชีวิตหนัก ๆ ของยาคุโมะ ทำให้ผู้อ่านอ่านได้ไม่เครียดมาก
   

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ (Colorless Tsukuru Tazaki and His years of Pilgrimage). ฮารูกิ มูราคามิ, เขียน ; มุทิตา พานิช, แปล. ปทุมธานี : กำมะหยี่, 2557. 306 หน้า. 300 บาท
          เป็นเรื่องเล่าของชายหนุ่มที่ชื่อทสึคุรุ  ทะซากิ ซึ่งเมื่อตอนอยู่โรงเรียนมัธยมจะมีกลุ่มเพื่อนสนิทอยู่ 4 คน ซึ่งในชื่อทุกคนจะมีสีอยู่ด้วย คือ แดง น้ำเงิน (เพือนผู้ชาย) และดำ ขาว (เพื่อนผู้หญิง) มีเพียงทสึคุรุที่ไม่มีสีอยู่ในชื่อ เป็นกลุ่มเพื่อนที่มีความสุข ทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่มีใครเข้ามาได้ในกลุ่มนี้ แต่เมื่อต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทสึคุรุเลือกเรียนเกี่ยวกับการสร้างสถานีรถไฟ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวที่สอนทางด้านนี้อยู่ที่โตเกียว ทำให้ต้องแยกกับเพื่อน ๆ ที่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้านคือแถวนาโงยะ แต่เมื่ออยู่ปี 2 เพื่อน ๆ 4 คนกลับตัดขาดกับทสึคุรุ โดยไม่บอกสาเหตุใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้โลกของทสึคุรุดับมืดลง เป็นชายไร้สีโดยสมบูรณ์ และหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เฝ้าแต่คิดถึงความตายตลอดครึ่งปีต่อมา แต่เมื่อความเศร้าทุเลาลง ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างโดดเดี่ยวที่กรุงโตเกียว ไม่มีข่าวคราวจากเพื่อน ๆ ตลอด 16 ปีต่อมา
          เมื่อทสึคุรุได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อสาละ ได้บอกว่าทสึคุรุมีความหลังที่ฝังใจทำให้มีความสุขกับเธอไม่เต็มที่ ทสึคุรุน่าจะกลับไปสืบหาสาเหตุที่เพื่อน ๆ ของเขาตัดขาดออกจากกลุ่ม และเมื่อทสึคุรุได้พบเพื่อน ๆ ก็ได้ทราบว่าเพื่อนที่ชื่อขาว (ซึ่งตอนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว) ได้บอกกับกลุ่มเพื่อนว่า ทสึคุรุได้ข่มขืนเธอเมื่อเธอมาเยี่ยมเขาที่โตเกียว ทุกคนเชื่อว่าทสึคุรุไม่ได้กระทำการเช่นนั้นแน่ แต่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนของขาวที่ป่วยทางจิตอยู่ และคิดว่าทสึคุรุสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเพื่อน ๆ หลังจากนั้น ทสึคุรุได้กลับบ้านโดยไม่มีความหลังฝังใจ และตั้งใจว่าจะขอสาละให้มาเป็นคนรัก และอยู่ด้วยกัน แต่สาละก็ยังไม่ให้คำตอบโดยเลื่อนไปอีก 3 วันจึงจะพบกันและให้คำตอบ เนื้อเรื่องจบลงเพียงแค่นี้ แต่คำบรรยายตลอดช่วงหลัง ๆ ผู้อ่านจะทราบว่า ทสึคุรุมีความรู้สึกปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอยู่กับสาละมาก และบางคำตอบของสาละก็ให้ความรู้สึกที่เป็นความหวัง
          นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าไปเรื่อยของ ทสึคุรุ ทาซากิ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น และให้ความรู้สึกโดดเดียว หรือเหงา ๆ เพราะ ทสึคุรุมีเพื่อนน้อยมาก และชีวิตก็ไม่โลดโผน เรียนจบและทำงานทางด้านการสร้างสถานีรถไฟฟ้า ค่อนข้างมีฐานะ ชีวิตไม่เดือดร้อนอะไร และไม่มีความทะยานอยากได้ใคร่ดี แต่ในช่วงที่ทสึคุรุจะกลับไปพบเพื่อน ๆ เพื่อถามถึงเหตุผลของการตัดเขาออกจากกลุ่ม เป็นช่วงที่น่าติดตามอย่างมาก เพราะผู้อ่านก็ต้องการทราบเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีการบรรยายเกี่ยวกับสถานีรถไฟฟ้าในกรุงโตเกียวที่ทำได้ดีมาก สามารถเห็นภาพการจัดการที่ดีในหมู่คนที่มีความชุลมุนโกลาหล  

          ในเนื้อเรื่องจะมีการพูดถึงบทเพลงหนึ่งอยู่ค่อนข้างมาก คือเพลง เลอ มาล ดู เป อี ซึ่งแปลว่า  คิดถึงบ้านหรือ  จิตใจที่หม่นมัว- ตามคำบอกเล่าของ ไฮดะ ทุกครั้งที่  ทสึคุรุ  ฟังเพลง  "เลอ  มาล  ดู  เปอี"  ก็จะนึกถึง  ขาว  เสมอเพราะขาว  ชอบเล่นเพลงนี้ ซึ่งในเรื่องก็สามารถบรรยายให้ผู้อ่านรู้สึกได้ว่า เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกเหงา เศร้า อ้างว้าง ได้เป็นอย่างดี จนผู้อ่านอยากหามาฟังเพื่อให้อินกับเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้น (Le mal du pays ของ Franz Liszt หาฟังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=XZlO_mNYCL8