ลี, มูนยอล. จักรพรรดิที่โลกลืม = Hail to the emperor. Ji Eun Lee, แปล. รื่นฤทัย สัจจพันธุ์, บรรณาธิการ. กรุงเทพฯ : เอโนเวล, 2555. 447 หน้า. ราคา 285 บาท.
แต่แล้วเมื่อราชวงศ์ลี ราชวงศ์สุดท้ายที่ครองแผ่นดินเกาหลีล่มสลายจริง ๆ โลกลับเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันด้วยระบบการปกครองที่ “จักรพรรดิ” ไม่รู้จัก เนื่องจากถูกเลี้ยงดูตามขนบธรรมเนียมแบบดั้งเดิม อีกทั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลความเจริญ ไม่สามารถทันการเปลี่ยนแปลงได้ และผู้คนที่อยู่ใต้การปกครองก็มีน้อย ไม่มีพลังที่จะส่งเสริมให้สังคมสมัยใหม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของตนได้ และเมื่อออกสู่สังคมภายนอก ผู้คนก็มักหัวเราะเยาะในการกล่าวอ้างว่าตนเองเป็น “จักรพรรดิ” และมักถูกมองว่าเป็นคนวิกลจริตตลอดเวลา แม้ว่าจะมีความฉลาดปราดเปรื่องมากเพียงใดก็ตาม ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น ๆ ผู้คนที่รับถือตนเองเป็น “จักรพรรดิ” ก็น้อยลง กลายเป็นคนแก่ที่โดดเดี่ยวมากขึ้น และได้ตายไปอย่างเงียบเหงา ในตอนท้าย ๆ ของเรื่องมีคำพูดของ “จักรพรรดิ” ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปลักษณะ “อา ... นี่ข้าเป็นกษัตริย์ที่ฝันว่าเป็นคนจัณฑาล หรือข้าเป็นคนจัณฑาลที่ฝันว่าเป็นกษัตริย์กันแน่นะ” หรือไม่
เป็นเรื่องที่อ่านได้เข้าใจยากมาก เนื่องจากตลอดเรื่องมีสำนวนอุปมาอุปไมย ยกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จีน และเกาหลี มาเปรียบเปรย ซึ่งผู้อ่านไม่มีภูมิเรื่องเหล่านี้ ทำให้ไม่เข้าใจ อีกทั้งสำนวนโวหารก็เขียนทำนองแบบเก่า ๆ และเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น แม้บางตอนอาจจะมีฉากขำ ๆ บ้าง เช่นตอนที่ “จักรพรรดิ” แสดงตัวยิ่งใหญ่ แต่คนรอบตัวไม่ยอมรับ ทำให้ต้องมีเรื่องท้าตีท้าต่อย เป็นต้น ยิ่งตอนท้ายเรื่องที่มีการสรุปเรื่องราวว่า “จักรพรรดิ” ได้ตื่นจากความเพ้อฝันและโรคคลั่งฐิติ รู้ว่าตนเองเป็นใครที่แท้จริง ผู้อ่านก็ยังสับสนว่า “จักรพรรดิ” ตื่นจริง ๆ หรือ เพราะผู้แต่งเองเขียนบอกไว้ว่า “ภาษาและตรรกะของเขาอ่อนแอเกินไปสำหรับรูปแบบความคิดสมัยใหม่ซึ่งมีอิสรภาพ ความเสมอภาคและมนุษยธรรม สำหรับเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเน้นย้ำที่ออกจะเกินเลยไปเท่านั้นเอง...นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าทำไมเขาจึงต้องการให้ลูกชายรู้ว่าจะใช้ภาษาและตรรกะอย่างไรในยุคของเราเพื่อจะประสบความสำเร็จในงานที่เขาทำไม่สำเร็จ บางทีเขาอาจจะต้องการให้ลูกชายสร้างระบบความศรัทธาใหม่ที่ไม่มีใครเอาชนะได้ แทนที่ความศรัทธาของเขาที่ถูกล้มเลิกไป”
อย่างไรก็ตามในเรื่องก็มีข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับการปกครอง การดำเนินชีวิต ให้ผู้อ่านได้นำไปขบคิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เช่น “ไม่ต่างจากการกดขี่ด้วยกำลังอำนาจ การปรนเปรอประชาชนด้วยทรัพย์สมบัติไม่ใช่คุณธรรมที่ถูกต้องในการปกครอง เมื่อประชาชนได้ลิ้มรสชาติทรัพย์สินครั้งหนึ่ง โลกจะเปลี่ยนอลเวงไปสู่ความต้องการทรัพย์สินอีกอย่างไม่ที่สิ้นสุด แถมเมื่อใดหากมีใครมายั่วยุด้วยทรัพย์สินที่มากกว่า ประชาชนจะโดนหลอกล่อให้ไปอยู่ข้างเขา ดังนั้น จึงมีถ้อยคำว่า ห้ามขอการเชิดชูจากประชาชนโดยผิดทำนองคลองธรรม” (หน้า 360) หรือ “สมัยโบราณ ช่างตีดาบชื่อดัง โกวเหยอจื่อผลักเมียลงไปในเหล็กหลอมละลายที่กำลังเดือด ตีได้ดาบไส้ปลาหยูฉางกับมู่เสวียสองเล่ม ความหมายก็คือช่างฝีมือต้องทุ่มเทอย่างจริงใจเพื่อสร้างของล้ำค่า แต่ช่างในวันนี้อาศัยเครื่องจักรผลิตของเหมือน ๆ กันตั้งหลายพันหลายหมื่นชิ้นในวันเดียวอย่างไม่ใส่ใจ แถมใช้วัสดุน้อย เพียงแต่อาศัยการลงทุนกับโฆษณาเกินจริง จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วว่าต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการโฆษณามากกว่าการจัดซื้อวัสดุ” เป็นต้น
รูปภาพผู้แต่ง Yi Mun-Yol |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น