วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตำนานขุมทรัพย์เทมปลาร์

เบอร์รี, สตีฟ. ตำนานลับขุมทรัพย์เทมปลาร์. แปลโดย ธนชน. กรุงเทพฯ : แพรวสำนักพิมพ์, 2550. 503 หน้า. 379 บาท.


        อัศวินเทมปลาร์ ผู้พิทักษ์เหล่านักจาริกแสวงบุญบนเส้นทางจากยุโรปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นตำนานที่ประทับใจนักเขียนหลายคนได้นำเรื่องราวบางส่วนจากตำนานมาแต่งเติมเสริมจินตนาการกลายเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่อ่านได้สนุกสนานเพลิดเพลินหลายต่อหลายเล่ม สตีฟ เบอร์รีก็เช่นกันได้นำตำนานอัศวินเทมปลาร์มาแต่งในอีกแง่มุมหนึ่ง
       เรื่องนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคที่อัศวินเทมปลาร์ถูกกวาดล้างในวันที่ 13 ตุลาคม 1307 เมื่อกษัตริย์ฝรั่งเศส ร่วมกับสันตะปาปาต้องการสมบัติของอัศวินเทมปลาร์ แต่สมบัติชิ้นสำคัญที่ไม่ใช่เงินทอง แต่เป็น สมบัติที่ทำให้พวกเทมปลาร์มีอำนาจเหนือกษัตริย์และสันตะปาปา และสามารถสั่นคลอนโลกได้กลับสูญหายไป
ย้อนกลับมาปัจจุบันคอตตอน มาโลน อดีตสายลับของกระทราวงยุติธรรม สหรัฐ ได้เข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ เพราะสเตฟานี เนลล์ อดีตหัวหน้าได้รับบันทึกของสามีที่เสียชีวิตไปแล้วทางไปรษณีย์ ทำให้เธอสนใจจะสานต่องานของเขา จึงเดินทางมาประมูลหนังสือหายากเล่มหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าเรย์มงด์ เดอ โรเกอฟอรด์ ประมุขคนใหม่ของอัศวินเทมปลาร์ก็กำลังตามรอยของเธอเพื่อหาสมบัติของกลุ่มตนคืนเช่นกัน โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นเพื่อให้กลุ่มอัศวินเทมปลาร์กลับมามีอำนาจยิ่งใหญ่อีกครั้ง การไล่ล่าเพื่อแย่งชิงสมบัติจึงเริ่มขึ้น ในที่สุดผู้อ่านจะรู้ว่าสมบัติที่ล้ำค่าคือ “พระศพของพระเยซู” ซึ่งตามความเชื่อของคริสเตียน พระเยซูได้ฟื้นคืนพระชนม์ชีพและเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ จะต้องไม่มีพระศพอยู่บนโลกนี้ ถ้ามีการค้นพบพระศพจะต้องสั่นคลอนศาสนาคริสต์ที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก และทำให้โลกวุ่นวายได้
ผู้แต่งเรื่องนี้ได้ใช้ความเชื่อเรื่อง "การฟื้นคืนชีพ" ของพระเยซู มาเป็นแก่นเรื่อง มีการปูพื้นฐานว่าทำใม"การฟื้นคืนชีพ" ของพระเยซู ในพระคัมภีร์ใหม่จึงมีเนื้อเรื่องแตกต่างกันในแต่ละพระวรสาร และมาอธิบายถึงความหมายที่แท้จริงของการฟื้นคืนชีพในบท “คำให้คำการของซีโมน” อธิบายได้ดีมาก ๆ อ่านแล้วรู้สึกว่าความดีของพระเยซูทำให้ซีโมนมีความคิดและมุมมองที่เปลี่ยนไปจากความเชื่อเดิมของชาวยิว แม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ แต่ความดีของพระองค์จะยังอยู่ในความคิด ความรู้สึกของตนเองตลอดไป เหมือนหนึ่งพระองค์ฟื้นคืนชีพมาอยู่ในจิตใจของเขา ทำให้เขาได้เห็นพระเจ้าจริง ๆ จนต้องการเผยแผ่ความงดงามนั้นให้คนอื่น ๆ ได้เห็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี สาวกคนต่อ ๆ ไปซึ่งอยู่ในการปกครองของโรมัน ต้องการให้ศาสนามั่นคง ก็ได้แต่งเติมความเหนือจริงเข้าไป แต่สาวกแต่งกันคนละยุค ทำให้ถ้อยคำเกี่ยวกับ "การฟื้นคืนชีพ" ของพระเยซู ไม่ตรงกัน
         อ่านได้สนุกเหมือนทุกเรื่องของผู้แต่งคนนี้ ตื่นเต้น นำเรื่องที่ยังเป็นปริศนาอยู่มาแต่งเติมให้อ่าน เหมือนว่าเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง ทำให้ในตอนท้ายเล่มผู้แต่งต้องมาอธิบายว่าเนื้อเรื่องตอนใดเป็นจริง และตอนใดเป็นเรื่องจริงผสมเรื่องที่เขาคิดขึ้นมา หรือตอนใดเป็นเรื่องที่เขาคิดขึ้นมาทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น