“ไก่ใส่พลัม” เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ณ กรุงเตหะราน ในปี ค.ศ. 1958 เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงแปดวันสุดท้ายในชีวิตของนัสเซอร์
อาลี ผู้เป็นนักดนตรีที่โด่งดังและมีศักดิ์เป็นลุงของแม่ผู้แต่ง
ซึ่งตัดสินใจที่จะตายและนอนรอความตายอยู่บนเตียง
“ขณะที่นัสเซอร์ อาลี
กำลังเดินอยู่บนถนน เขาได้เดินผ่านหญิงวัยกลางคนนางหนึ่งที่เดินมากับหลานชาย
อาลีทักผู้หญิงคนนี้ว่า “คุณชื่ออิเรนใช่ไหมครับ ?
“ค่ะ! เอ๊ะ คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“จำผมไม่ได้เหรอครับ”
“บอกตามตรง จำไม่ได้ค่ะ”
บทสนทนาคล้ายกับคำทักทายที่ไร้ความหมาย
แต่สุดท้ายผู้อ่านจะต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่เมื่อถึงตอนท้ายเรื่องว่า
นี่คือประเด็นสำคัญที่ทำให้อาลี ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
ขณะเดียวกันเนื้อเรื่องดำเนินต่อไปว่า นัสเซอร์
อาลี กำลังค้นหาเครื่องดนตรีที่มีชื่อว่า ทาร์ (เครื่องสายของอิหร่านคล้ายกับกีต้าร์)
ตัวใหม่มาทดแทนทาร์ตัวเก่าที่ถูกภรรยาของเขาทำพังตอนที่ทะเลาะกัน
เขาพยายามหาทาร์ที่เหมาะกับเขา แต่ต้องมาพบว่าทาร์ตัวอื่นๆ เสียงไม่ดีพอ เขาจึงจมอยู่ในห้วงของความหดหู่
รู้สึกว่าชีวิตตัวเองล้มเหลว จึงตัดสินใจที่จะตาย
เมื่ออ่านแรก ๆ จะเห็นว่าการฆ่าตัวตายของนัสเซอร์
อาลี มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย แต่เมื่อค่อย ๆ อ่านไป
ผู้เขียนได้ผูกโยงเรื่องได้อย่างน่าสนใจว่า
เครื่องเล่นทาร์ที่ถูกทำพัง มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังที่ทำให้ผู้อ่านเห็นประวัติครอบครัวของนัสเซอร์ อาลี ได้อย่างชัดเจน
เรื่องเล่าพาผู้อ่านย้อนกลับไปดูชีวิตอาลีในวัยหนุ่มที่เลือกที่จะเป็นนักดนตรีซึ่งทำให้ถูกกีดกันเรื่องความรักกับสาวงามนางหนึ่งซึ่งพ่อแม่ของเธอมองว่า
นักดนตรีคืออาชีพที่ไม่มั่นคง เขาจึงไม่สามารถที่จะสมหวังในรักครั้งแรกได้
จนในที่สุด แม่ของอาลีจึงต้องกล่อมให้เขาแต่งงานกับภรรยาคนปัจจุบันซึ่งแอบหลงรักอาลีมานาน
ด้วยความทรงจำในรักครั้งแรก ทำให้เสียงดนตรีของทาร์เต็มไปด้วยความห่วงหาอาวรณ์ในความรักโรแมนติกในอดีตของเขาตลอดเวลา
และเมื่อ“ทาร์” ของเขาถูกภรรยาทำลาย จึงไม่ใช่เพียงการทำลาย “ทาร์” เครื่องดนตรีชิ้นเอกของเขาเท่านั้น
แต่เปรียบการทำร้าย “ความหมายชีวิต” ที่ผูกติดกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตอาลีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเขานึกถึงเรื่องความรักที่ไม่สมหวัง
และการถูกหลงลืมจากผู้หญิงที่ตนเคยรักมากซึ่งก็คือหญิงวัยกลางคนที่เดินบนถนนกับหลานชายที่ปรากฏอยู่ในหน้าแรกนั่นเอง
... ทำให้เขาหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เนื้อเรื่องใน“ไก่ใส่พลัม” จัดเป็นหนังสือตลกร้ายและไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนชีวิตของนัสเซอร์ อาลี เสนอเนื้อหาที่เกี่ยวกับความหมายของชีวิตและความตาย
ตั้งคำถามว่าอะไรคือความหมายของชีวิตของเราที่ทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน และความงดงาม ชวนยิ้มตลอด
เช่น
เจ้าเคยเห็นใครเขียนบทกลอนบรรยายถึงผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยที่คอยตะคอกเขาวันละสี่ครั้งมั้ย เจ้าคิดรึว่าหากโรมิโอและจูเลียตมีลูกด้วยกันซักหกคน
แล้วมันจะมีหนังสือเล่าเรื่องของพวกเขา
แม่ของนัสเซอร์ อาลี
ตายเพราะสูบบุหรี่ แต่กลับเรียกบุหรี่ว่า “อาหารสำหรับจิตวิญญาณ”
การบรรยายถึงหน้าอกของโซเฟีย
ลอเรน ที่นัสเซอร์ อาลี อยากนอนตายคาอก
และการบอกเล่าถึงอาหารจานโปรดของ
นัสเซอร์ อาลี “ไก่ใส่พลัม” จานเด็ดฝีมือแม่ของเขาที่ประกอบไปด้วย
ไก่ ลูกพลัม หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ ขมิ้น และหญ้าฝรั่น เสิร์ฟกินกับข้าว
เป็นหนังสือภาพการ์ตูนขาวดำ
รูปแบบการเล่าเรื่องจะเล่าแบบย้อนไปย้อนมา
บางครั้งอาจงง ๆ ว่าเป็นปัจจุบันหรืออดีต แต่เมื่ออ่านไปจะค่อย ๆ เข้าใจ
“ไก่ใส่พลัม” เป็นหนังสือการ์ตูนยอดเยี่ยมแห่งปี (Prix du Meilleur Album) จากเทศกาลหนังสือการ์ตูนนานาชาติเมืองอองกุเล็ม
(Festival international de la BD d’Angoulème) ประจำปี ค.ศ.
2005 ผลงานของ มาร์จอเน่ ซาทราพิ (Marjane
Satrapi) นักเขียนหญิงชาวอิหร่านที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งมีชื่อเสียงจากนิยายภาพเรื่อง
แพร์ซโพลิส (Persipolis) ซึ่งหยิบเอาเรื่องราวของตัวผู้เขียน
กับการเผชิญชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตที่ประสบกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอิหร่าน
ตั้งแต่สมัยการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 เนื้อหาแสบๆคันๆ
เหน็บกัดวิถีแบบรัฐอิสลามที่ต่อต้านความเป็นอเมริกันสุดลิ่มทิ่มประตู
จนเป็นที่พูดถึงในวงกว้างซึ่งต่อมาได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ (http://www.youtube.com/watch?v=JRNCP42O3sQ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น