วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รหัสลับรัสปูติน

เบอร์รี, สตีฟ.  รหัสลับรัสปูติน (The Romanov prophecy).  อักษรา วิสาระ : แปล. กรุงเทพฯ : แพรว, 2549.  384 หน้า. ราคา 264 บาท.  

ในเรื่องนี้ผู้เขียนได้อาศัยข้อมูลจากเหตุการณ์ฆ่าหมู่ครอบครัว "ซาร์นิโคลัสที่ 2" และ การขุดซากพระศพในปี 1991 ที่ไม่พบรัชทายาท 2 พระองค์สุดท้อง และการนำความลึกลับและคำทำนาย ของรัสปูติน นักบวชผู้ใกล้ชิดราชสำนัก มาเป็นแกนของเรื่อง ผสมผสานไปกับการจินตนาการของผู้แต่งเอง โดยเรื่องมีอยู่ว่าภายหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย และระบอบคอมมิวนิสต์พังทลายลง ประชาชนชาวรัสเซียต้องการซาร์องค์ใหม่ที่ต้องสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์โรมานอฟ จึงมีการตั้งคณะกรรมาธิการเลือกตั้งซาร์ที่จะทำหน้าที่สรรหาผู้เหมาะสมขึ้นดำรงตำแหน่งซาร์องค์ใหม่ ทำให้ ไมล์ส ลอร์ด นักกฎหมายผิวสีจากสหรัฐอเมริกา ที่เชี่ยวชาญเรื่องประเทศรัสเซีย เดินทางมาช่วยคณะกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบเอกสารและจดหมายเหตุยืนยันว่าผู้ที่เข้ามารับการสรรหาเป็นผู้เหมาะสมที่สุด ทว่าการสรรหาซาร์ กลับถูกแทรกแซงด้วยอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ทั้งฝ่ายทหาร มาเฟีย นายทุนรัฐบาล และคริสตจักร ที่จับมือกันเพื่อให้ได้ซาร์องค์ใหม่ ที่อยู่ในอาณัติของพวกเขา

ในหอจดหมายเหตุในกรุงมอสโก ไมล์ส ลอร์ด พบเอกสารข้อมูลเก่าแก่ที่ยืนยันว่า เหตุการณ์คืนวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1918 ซาร์นิโคลัสที่ 2 พร้อมด้วยพระมเหสีและพระราชโอรสธิดาทั้ง 5 พระองค์ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดโดยพวกบอลเชวิค และพระศพถูกนำไปฝังด้วยกันในเหมืองร้างแห่งหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็พบเบาะแสว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นอาจมีผู้รอดชีวิตก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นจริงอาจไขปมปริศนาได้ว่า ทำไมเมื่อมีการขุดซากพระศพขึ้นภายหลังในปี 1991 จึงไม่พบพระศพของอะเล็กเซย์ (พระราชโอรส) และอนัสตาเซีย (พระราชธิดา) สององค์สุดท้าย

จากข้อมูลใหม่นี้ ทำให้แผนการขึ้นสู่อำนาจที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วมีปัญหา ลอร์ดจึงตกเป็นเป้าสังหาร ทำให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน พร้อมกับที่ต้องพยายามตามหา องค์รัชทายาทที่แท้จริงเพื่อนำกลับมาเป็นซาร์องค์ใหม่

ลอร์ดได้พบและรับความช่วยเหลือโดยบังเอิญจาก อะกีลีนา เปตรอฟนา สาวสวยนักแสดงจากคณะละครสัตว์ ชื่ออะกิลีนาซึ่งแปลว่า นกอินทรีย์ เป็นการยืนยันคำทำนายก่อนถูกสังหารของ รัสปูติน นักบวชที่ใกล้ชิดกับซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ เมื่อเกือบร้อยปีก่อนที่กล่าวถึงการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ และทิ้งท้ายปริศนาไว้ว่า ผู้ที่จะมาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมคือ นกราเวนสีดำ และนกอินทรีย์ ซึ่งทั้งสองสิ่ง สื่อความหมายไปยัง คนผิวสีอย่าง ลอร์ด และอะกิลีนา

คำทำนายของรัสปูติน มีดังนี้

“หากเขาถูกสังหารโดยพวกโบยาร์ มือของคนพวกนั้นจะเปื้อนเลือดไปเป็นเวลายี่สิบห้าปี พวกนั้นจะไปจากรัสเซีย พี่น้องจะลุกขึ้นต่อสู้ฆ่าฟันกันเองด้วยความเกลียดชัง และจะไม่มีชนชั้นขุนนางในประเทศอีกต่อไป แต่หากญาติคนหนึ่งคนใดของราชวงศ์เป็นผู้ฆ่าเขา ครอบครัวของราชวงศ์จะไม่มีใครมีชีวิตอยู่ไปอีกเกินสองปี ทุกคนจะถูกประชาชนชาวรัสเซียสังหาร แต่จะมีผู้มาช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่มีความผิดฉกาจฉกรรจ์ที่สุดจะมองเห็นความผิดแห่งวิถึทางของเขา เขาจะรับรองว่าเลือดแห่งร่างกายของเราจะกลับฟื้นคืนคงขึ้นเอง มีเพียงนกสีดำและอินทรีเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ผู้อื่นทั้งหมดล้มเหลว และความไร้เดียงสาแห่งเดรัจฉานจะช่วยคุ้มครองและนำทางโดยจะเป็นผู้กุมความสำเร็จขั้นสุดท้าย พระผู้เป็นเจ้าจะประทานวิธีให้แน่ใจในความดีงาม แต่จะต้องมีคนตายสิบสองคนก่อนที่การกลับฟื้นคืนคงจะสมบูรณ์”

สรุปเรื่องในตอนท้ายคือ ไมล์ ลอร์ดได้พบรัชทายาทที่สืบสายตรงจากซาร์นิโคลัสที่ 2 คือหลานปู่ของอะเล็กเซย์ หลังจากอะเล็กเซย์ และอนัสตาเซียได้รับการช่วยชีวิต ก็ต้องหลบหนีปะปนไปกับผู้ลี้ภัยข้ามไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเมืองเล็ก ๆ ที่มีบรรยากาศเหมือนประเทศรัสเซีย เปลี่ยนชื่อเป็นปอล และแอนนา ธอร์น ส่วนอนัสตาเซียสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปอดอักเสบ อะเล็กเซย์ได้แต่งงานมีครอบครัว มีลูกชาย 1 คน และสิ้นพระชนม์ด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่พระชนมายุ 21 พรรษา ส่วนลูกชายก็แต่งงานและมีลูกชาย 1 คนชื่อ ไมเคิล ธอร์น เป็นนักกฎหมายเล็ก ๆ ที่ไมล์ ลอร์ดได้เดินทางมาพบและพากลับไปรัสเซียเพื่อเป็นซาร์องค์ใหม่

เป็นเรื่องที่อ่านสนุก การดำเนินเรื่องเร็วและน่าตื่นเต้น เพราะมีการไล่ล่า ยิงต่อสู้ ระหว่างไมล์ ลอร์ดและพวกรัสเซียที่ตามฆ่า ขณะที่ต้องคอยลุ้นว่าเจ้านายที่ลอร์ดไว้วางใจนั้นไปเข้าข้างพวกรัสเซียโดยลอร์ดไม่รู้ จะเป็นอันตรายต่อลอร์ดและอะกิลีนาอย่างไร และชวนติดตามจากการไขปริศนาต่าง ๆ ที่เฟลิกซ์ ยูสซูปอพพระญาติของซาร์ที่เป็นผู้ลงมือสังหารรัสปูติน ที่ภายหลังตระหนักรู้ในสิ่งที่รัสปูตินได้ทำนายไว้ ได้ตระเตรียมเพื่อการฟื้นคืนราชวงศ์โรมานอฟ ที่จะมีในเกือบร้อยปีให้หลัง เนื้อเรื่องกว้างไกลจากรัสเซียข้ามโลกสู่อเมริกา นอกจากนี้การดำเนินเรื่องจะสลับไปมาระหว่างยุคปลายราชวงศ์โรมานอฟกับยุคใหม่ ซึ่งในตอนแรกที่อ่านก็ค่อนข้างสับสน แต่เมื่ออ่านไปจะค่อย ๆ เข้าใจ และรู้ประวัติศาสตร์รัสเซียในสมัยนี้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ยิ่งเมื่อผู้แต่งบรรยายเหตุการณ์การสังหารครอบครัวของซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่ผสมผสานข้อเท็จจริงกับจินตนาการ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่น่าเศร้านี้ได้เป็นอย่างดี เกิดความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูก


ซาร์นิโคลัสที่ 2 กับครอบครัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น