วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

1 CM



1 CM โดย โอสธี. กรุงเทพฯ : Mars, 2552. 195 หน้า. 169 บาท

เป็นหนังสือได้รับรางวัลดีเด่นประเภทหนังสือรวมเรื่องสั้นจากสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประจำปี 2553 ในเล่มมีทั้งหมด 11 เรื่องสั้น ที่อ่านได้สบาย ๆ แต่ละเรื่องมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ให้ผู้อ่านได้คิดจินตนาการตาม เรื่องราวเป็นเรื่องในสังคมปัจจุบันของเรานี่เอง "ตัวหนังสือของเขานำเสนอภาพคร่าว ๆ อันหม่นหมองของสังคมไทยได้อย่างสนุกสนาน เข้าใจง่าย มีรสชาติทางสมองให้ขบคิดชวนติดตาม และส่งผลต่อจิตใจได้อย่างตรงไปตรงมา" (คำของบรรณาธิการ) ซึ่งเรื่องแต่ละตอนมักจบในแง่ดี แม้ในบางเรื่องที่จบร้ายก็ไม่ได้ให้ผู้อ่านเศร้าไปด้วย และก็มีข้อคิดดี ๆ ในแต่ละเรื่อง ซึ่งมักเป็นเรื่องที่อ่านจบต้องคิด

เรื่องที่ 1 กระต่ายลวงตา เป็นเรื่องที่หนุ่ม 2 คนไปเที่ยวทะเลทรายสะฮาร่า และพลัดหลงกับผู้นำทาง กำลังจะอดน้ำตาย แต่หนุ่มคนหนึ่งบอกว่าพบกระต่ายมาบอกทาง ซึ่งในที่สุดก็รอดราวปาฎิหาริย์

เรื่องที่ 2 เบญจเพส ผู้เล่าอายุจะครบ 25 ปี แม่บอกให้ไปทำบุญ เพราะจะมีอาถรรพ์เบญจเพส แต่ที่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้ จึงทำให้วันรุ่งขึ้นที่มีนัดกับแม่ ไม่ทำตามที่แม่บอก ตื่นสายและประสบกับเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น จนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งร่ำ ๆ จะเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์เบจญเพสจริง แต่สรุปว่าเพิ่งอายุครบ 24 ปีเองเนื่องจากพ่อแม่แจ้งเกิดเร็วไป 1 ปี เพราะต้องการให้ลูกเรียนเร็ว

เรื่องที่ 3 คดีข่มขืนนักเรียนคอนแวนต์ (ชอบเรื่องนี้) นักเรียนสาวที่เป็นนักยิมนาสติดถูกแก๊งขี้ยาจะพาไปข่มขืน แต่เอาตัวรอดออกมาได้ และไปแจ้งความจับคนร้ายได้ แทนที่ตำรวจและนักข่าวจะเชื่อนักเรียนสาว กลับเชื่อว่านักเรียนสาวถูกข่มขืน เพื่อให้มีผลงานและมีข่าวที่น่าตื่นเต้น

เรื่องที่ 4 ภูมิแพ้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนบริโภคสื่อโฆษณามากเกินไป จนเป็นโรคภูมิแพ้สื่อโฆษณา จนต้องมีกฎหมายไม่ให้สถานที่บางแห่งมีโฆษณา และตัวเอกของเรื่องเป็นครีเอทีฟโฆษณาด้วย

เรื่องที่ 5 เกียจคร้านนิซึ่ม ว่าด้วยลัทธิเกียจคร้านนิยม เรื่องน่าสนใจมาก ผู้เขียนจินตนาการว่าทมีคัมภีร์ของลัทธินี้ด้วยแต่ที่ไม่แพร่หลายเนื่องจากสาวกของลัทธิมีความเกียจคร้าน บทสรุปของเรื่องอ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้ "อย่างที่คัมภีร์เขียนไว้ว่า ความเกียจคร้านคือธรรมชาติที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน เพียงแค่นอนตื่นสายและคิดว่าสิ่งที่ต้องทำวันนี้สามารถรอถึงวันถัดไปได้ ปฏิบัติเช่นนี้จนคนรอบตัวเริ่มมองด้วยสายตาตำหนิติเตียน หรือดูถูกเหยียดหยาม เมื่อนั้นคุณก็ได้เป็นสาวกของลัทธิเกียจคร้านนิยมเต็มตัวแล้วครับ"

เรื่องที่ 6 นักลาออกมืออาชีพ สำหรับคนที่เบื่อกับงาน ไม่สนุกกับงานแต่ไม่กล้าลาออก เมื่อมาพบกับนักลาออกมืออาชีพ คือผู้ที่ไม่ชอบงานก็ลาออก เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น แต่สุดท้ายคนเบื่องานก็ได้คำตอบ เป็นเรื่องที่น่าคิดสำหรับคนอ่านที่เบื่องานด้วย

เรื่องที่ 7 หนี่งเซนติเมตร ซึ่งนำมาเป็นชื่อหนังสือด้วย เรื่องพลังจิตที่สามารถย้ายสิ่งของได้ไกลเพียง 1 เซนติเมตร ซึ่งมีข้อคิดดี ๆ ในเรื่อง

เรื่องที่ 8 ดาวเทียม นักแสดงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ที่มีคนหน้าตาเหมือนกันมาแย่งความเด่น จนในที่สุดนักแสดงที่มีชื่อเสียงนั้นกลับต้องไปแสดงหนังที่เป็นชีวิตจริงของคนหน้าเหมือน

เรื่องที่ 9 ศีลห้ามาเนีย ตำรวจมือปราบเกิดผิดพลาดลั่นกระสุนถูกเด็ก 6 ขวบเสียชีวิต ต้องพึ่งพาศาสนา โดยยึดหลัดศีล 5 อย่างเคร่งครัด แต่คนรอบตัวหาว่าบ้า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียส และให้แง่คิดว่าคนถือศีลอย่างเคร่งครัดเป็นคนบ้าหรือสังคมรอบตัวต่างหากที่มันเพี้ยนไป

เรื่องที่ 10 เมตามอร์โฟซิส นักศึกษาสาวถูกฆ่าและศพถูกนำไปถ่วงทิ้งใต้น้ำ เรื่องน่าจะเศร้า แต่การเล่าเรื่องเป็นไปในทำนองไม่ตัดพ้อ เพียงแต่ให้รับรู้ว่าเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเท่านั้น จึงถูกหลอกได้ง่าย และเป็นเรื่องที่หักมุมได้น่ารักดี คือตอนจบนักศึกษาสาวได้เกิดเป็นยุงที่ไปดูดเลือดคนรัก และถูกตบตายเลือดกระฉูด

เรื่องที่ 11 กีตาร์เทพ หนุ่มเทพฝันอยากเป็นนักกีตาร์ที่เก่งที่สุดในโลกจนยอมขายวิญญาณให้ปีศาจ ซึ่งก็ได้สมใจและในเวลา 7 วันที่เทพเล่นกีตาร์ได้เก่งที่สุดนั้นกลับไม่มีใครฟังได้รู้เรื่อง แม้แต่คนรักที่เคยชื่นชมการเล่นกีตาร์ของเทพเอง

        เป็นหนังสือที่อ่านได้สบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด และมีข้อคิดระหว่างบันทัดที่ทำให้ต้องติดตามไปจนจบ แม้ว่าเรื่องจะดูเศร้า ๆ แต่การเล่าเรื่องก็เป็นไปในลักษณะแฝงความร่าเริง หรือมองโลกในแง่ดีไว้
มากมาย


ภาพนักเขียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น